เมื่อวันที่ 24 มกราคม นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ส่งด่วนที่สุดถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมาแล้ว เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยข้อความตอนหนึ่งระบุว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ได้นำเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อทราบความเห็นเรื่อง โครงการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในอุดมศึกษาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลก (ทุนพัฒนาอาจารย์) พ.ศ.2561-2580 เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการดังนี้ 1.ให้ศึกษาในประเด็นการเตรียมความพร้อมตั้งแต่ก่อนวัยเรียน/ประถม/มัธยม/ ให้ได้คนที่มีศักยภาพ ตรงความต้องการของประเทศอย่างไร ผู้ที่เข้าอุดมศึกษา/สาขาที่ต้องการได้อย่างไร/ ส่วนหนึ่งไปอาชีวะ ได้ปริญญาอย่างไร เพื่อสร้างความชัดเจนให้สังคม ประชาชน ผู้ปกครอง เข้าใจ 2.กรณีการสนับสนุนงบประมาณให้อุดมศึกษา ให้ควบคุมสาขาที่ไม่มีงานทำ /ไม่ตรงความต้องการ การลดเงินอุดหนุน หรือไม่ให้ เช่น จีน ทำเหตุผล จบมาไม่มีงานทำ แต่ต้องใช้หนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา( กยศ)
“ขณะนี้หลายคนเข้าใจและไปตีความหนังสือดังกล่าวผิดว่า นายกฯไม่ให้งบฯในสาขาที่ตกงานหรือสายสังคม สิ่งที่นายกฯย้ำมาตลอดคือประเทศขาดกำลังคนที่จะมาพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี ดังนั้นจึงต้องการให้สถาบันอุดมศึกษาทั้งหมดไปทบทวนและปรับหลักสูตรต่าง ๆให้ ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน ตอบโจทย์ประเทศและตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ของชาติ ซึ่งก็คือการผลิตบัณฑิตทางด้านเทคโนโลยี และถ้าสถาบันอุดมศึกษาผลิตทางด้านนี้รัฐก็จะสนับสนุนงบฯเพิ่มขึ้น การที่รัฐต้องกำหนดเช่นนี้ เพราะงบฯของประเทศมีจำกัด ส่วน หลักสูตรไหนผลิตบัณฑิตออกมาแล้วตกงานแสดงว่าไม่ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน ไม่ตอบโจทย์ประเทศและ ไม่ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ของชาติ จะทำให้ประเทศเสียหายมาก อย่างไรก็ตามรัฐคงจะไปบังคับสถาบันอุดมศึกษาไม่ได้ เพียงแต่สถาบันอุดมศึกษาไหนทำตามเป้าหมายของประเทศรัฐก็ต้องจัดงบฯให้ก่อน ทั้งนี้ขอย้ำว่าสายสังคมนั้นยังเป็นสาขาที่เป็นความจำเป็นอยู่ แต่ขณะนี้ประเทศขาดคนทางด้านเทคโนโลยีต้องสนับสนุนก่อน”นพ.อุดมกล่าว