อัยการเดดไลน์29ม.ค. ’20กปปส.’เบี้ยวนัดส่งหลักฐานขอเลื่อน พ้นกำหนดใช้มาตรการเบาไปหาหนัก

เมื่อวันที่ 25 มกราคม แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีผู้ต้องหา 34 คน ที่ขอเลื่อนการเข้าฟังคำสั่งคดีกบฏ กปปส. เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมาว่า เมื่อวันที่24มกราคม ผู้ต้องหาทั้ง34คน ยื่นหนังสือขอเลื่อนเข้ามารับฟังคำสั่งคดี แต่ละคนอ้างเหตุผลไม่เหมือนกัน เช่น อ้างว่าติดสอนหนังสือ , เจ็บป่วย , ติดประชุมสภา บางคนมีการแสดงพยานหลักฐานเป็นหนังสือเชิญประชุม,ใบรับรองแพทย์ หรือใบนัดโรงพยาบาล โดยอัยการรับพิจารณาและให้โอกาส แต่ในส่วนของบางคนที่มีการกล่าวอ้างเลื่อนลอยไม่มีพยานหลักฐานมาแสดง อัยการจะให้โอกาสยื่นพยานหลักฐานจนถึงวันที่ 29 มกราคม ในวันดังกล่าวจะมีการประชุมคณะทำงาน จะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร หากมีการยื่นพยานหลักฐานเข้ามา พยานหลักฐานจะพอเชื่อถือได้หรือไม่ และจะดำเนินการอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ต้องหาที่กล่าวอ้างลอยๆโดยไม่มีพยานหลักฐานมีประมาณกี่คน แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ที่อ้างเหตุโดยไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันกับอัยการมีประมาณ 20 กว่าคน กลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่าป่วย หรือติดประชุม แต่ไม่มีพยานหลักฐาน อัยการก็ให้โอกาสไปนำพยานหลักฐานตรงนี้มา เช่น อ้างว่าป่วยก็ไปหาใบรับรองแพทย์มา อัยการจะต้องพิจารณาดูอีกว่าใบรับรองแพทย์ดังกล่าว เขียนอาการป่วยไว้มากน้อยเพียงใด ป่วยจนถึงไม่สามารถเดินทางมาฟังคำสั่งได้หรือไม่ หรือถ้าเป็นการประชุมที่สำคัญและมีการนัดล่วงหน้าไว้ก่อน และไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ตรงนี้อัยการจะพิจารณาอย่างละเอียด

เมื่อถามว่า หากภายในวันที่ 29 มกราคม ผู้ต้องหายังไม่สามารถส่งพยานหลักฐานมาได้จะใช้มาตรการอย่างไรได้บ้าง แหล่งข่าวกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คณะทำงานจะต้องประชุมในวันนั้นกันอีกครั้ง โดยจะพิจารณาหลักฐานของผู้ต้องหาเป็นรายๆ แต่ละรายจะมีเหตุผลไม่เหมือนกัน มาตรการของเราจะมีตั้งแต่เบาไปหาหนัก เมื่อถามว่า มาตรการระดับหนักจะถึงขั้นขอศาลออกหมายจับหรือไม่ แหล่งข่าวกล่าวว่า การขอศาลออกหมายจับจะต้องดูว่ามีเหตุประวิงคดี ไปวุ่นวายกับพยานหลักฐาน หรือมีเหตุจะหลบหนีคดี ถึงจะขอออกหมายจับได้ ตรงนี้อัยการจะต้องดูหลักเกณฑ์ตามกฎหมาย ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆจะไปขอศาลออกหมายจับได้

เมื่อถามว่า อัยการมีอำนาจที่จะถอนประกันในชั้นสอบสวนได้หรือไม่ แหล่งข่าวกล่าวว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนส่งตัวผู้ต้องหาให้อัยการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และผู้ต้องหาทุกคนก็มามอบตัวกับดีเอสไอเองถึงส่งมารายงานตัวชั้นอัยการ จึงมองว่าไม่มีเหตุที่จะหลบหนี ทางพนักงานสอบสวนก่อนหน้านี้ไม่ได้ยื่นคำร้องฝากขังหรือเรียกหลักทรัพย์ในการประกันตัว ที่ผ่านมาผู้ต้องหาก็มารายงานตัวตามกำหนดนัด มีครั้งนี้เพิ่งจะขอเลื่อนการฟังคำสั่งคดี จึงต้องดูว่าผู้ต้องหาผิดนัดกี่ครั้ง มีเหตุจำเป็นหรือพฤติการณ์ที่จะหลบหนี ไปวุ่นวายกับพยานหลักฐานจนเสียรูปคดีหรือไม่ ต้องพิจารณาหลายอย่างตามองค์ประกอบของกฎหมาย

Advertisement

แหล่งข่าว กล่าวต่อว่า ในวันที่ 14 มีนาคม อัยการนัดเฉพาะผู้ที่มีพยานหลักฐานประกอบการขอเลื่อน ส่วนผู้ที่หลักฐานขอเลื่อนไม่ชัดเจน หากอัยการนำตัวมาได้และเข้าเหตุประกอบทางกฎหมาย เมื่อได้ตัวมาเราอาจนำตัวฟ้องไปก่อนเลยก็ได้ แต่ทั้งนี้ต้องดูเหตุองค์ประกอบตามกฎหมายเป็นหลักว่าอัยการจะยื่นฟ้องเขาก่อนหรือไม่ ถ้าไม่จำเป็นอัยการก็ไปรวมฟ้องวันที่14 มีนาคมทีเดียว หลักการฟ้องนั้น หากอัยการฟ้องรวมกันทีเดียว ศาลจะง่ายต่อการพิจารณาหลักฐาน เพราะหากแยกกันฟ้องจะมีความยุ่งยาก จะต้องมายื่นคำร้องขอรวมกระบวนการพิจารณา แต่โอกาสที่ผู้ต้องหาทั้งหมดจะมารวมกันในครั้งเดียวก็ค่อนข้างยาก อัยการต้องบริหารว่าจะใช้วิธีใดในการฟ้อง

เมื่อถามว่า หากนำตัวผู้ต้องหาชุดหลังมาฟ้องได้ในวันที่ 14 มีนาคม จะขอรวมสำนวนกับจำเลยอีก 9 คนที่ถูกฟ้องไปเมื่อวานที่ 24 มกราคมแล้วหรือไม่ แหล่งข่าวกล่าวว่า เรื่องนี้อัยการและศาลคงอยากจะให้รวมฟ้องไปในทีเดียว เนื่องจากศาลคงไม่อยากที่จะสืบพยานหลายรอบ เพราะพยานหลักฐานต่างๆเป็นชุดเดียวกัน เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดในข้อหาเดียวกัน ตามหลักการจึงควรพิจารณาทีเดียวกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image