เล็งปรับแก้ระเบียบตั้งสถาบันคุรุพัฒนา

นายสมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยถึงการจัดตั้งสถาบันคุรุพัฒนาว่า ขณะนี้การจัดตั้งสถาบันคุรุพัฒนาได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ในการปฏิบัติภารกิจของสถาบันที่ต้องดูแลการพัฒนาครูทุกสังกัดยังมีข้อขัดข้องบางประการทำให้ต้องมีการปรับแก้ระเบียบสถาบัน เช่น เปลี่ยนองค์ประกอบของคณะกรรมการ อำนาจของผู้อำนวยการสถาบัน ที่ขณะนี้การจ้างผู้อำนวยการสถาบันยังไม่มีระเบียบรองรับ  แต่เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการใช้บทเฉพาะกาล 2 ปี จึงยังสามารถเดินงานได้อยู่แต่เมื่อครบกำหนด 2 ปีแล้วอาจมีปัญหาได้ ดังนั้นจึงได้มีการขอหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องใช้คำสั่งพิเศษ หรือมีระเบียบอื่นใดที่จะสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เช่น การใช้อำนาจตามระเบียบคุรุสภา หรือ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น

“สถาบันคุรุพัฒนามีภารกิจต้องพัฒนาครูทุกสังกัด ไม่ใช่เฉพาะครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)เท่านั้น เพราะที่ผ่านมาเราจะโฟกัสไปที่ สพฐ.เป็นหลักแต่ในปี 2561 นี้ต้องเดินหน้าพัฒนาครูสังกัดอื่น ๆ ด้วย ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) รวมถึงสังกัดอื่น ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของการขอต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู  การเลื่อนวิทยฐานะ ที่ต้องมีชั่วโมงในการเข้ารับการพัฒนา เป็นต้น”นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับหลักเกณฑ์ในการพัฒนาครูนั้น จากที่ สพฐ.ได้เริ่มพัฒนาครูไปก่อนหน้านี้โดยได้ทำหลักเกณฑ์เบื้องต้นไว้แล้วแต่ก็อาจมีปัญหาติดขัดบ้าง ดังนั้นเมื่อสถาบันคุรุพัฒนาจะต้องเข้ามาสานต่อก็อาจต้องมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์บ้าง เพื่อไม่ให้มีปัญหา โดยสถาบันคุรุพัฒนาจะมีผู้ทรงคุณวุฒิมาทำหลักเกณฑ์ที่สัมพันธ์กับการเลื่อนวิทยฐานะ และการต่อใบอนุญาตฯ เช่น หลักสูตรต้องครอบคลุมสมรรถนะของครูแต่ละวิทยฐานะ องค์ประกอบของหน่วยจัดอบรมต้องมีความชำนาญและความเชี่ยวชาญแต่ละเรื่องอย่างไร หลักสูตรไม่เน้นเฉพาะความรู้แต่ต้องเน้นเรื่องแนวปฏิบัติ ทักษะ คุณลักษณะของความเป็นครู เป็นต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image