วันนี้ (7 ก.พ.) ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก Prinya Thaewanarumitkul กรณีการจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานอิตาเลียนไทยฯ พร้อมของกลางซากสัตว์ป่าสงวน ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร โดยระบุว่า
‘บริษัทภิบาลอิตาเลียนไทย 2561’ ข้อ 1.6 เขียนไว้ว่า ผู้บริหารต่อสังคมส่วนรวม (ต้อง) “ไม่กระทำการใดๆ ที่จะมีผลเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ และสภาพแวดล้อม”
และที่สำคัญข้อ 6 (หน้าที่ต่อ) สังคมส่วนรวม ยังเขียนไว้อีกว่า “บริษัทจะไม่กระทำการใดๆ ที่จะส่งผลเสียหายต่อสังคม ทรัพยากรธรรมชาติ และสภาพแวดล้อม อีกทั้งต้อง .. ปลูกฝังจิตสาธารณะของความรับผิดชอบต่อสังคมให้เกิดในหมู่พนักงานทุกระดับอย่างจริงจัง ..”
การที่ผู้บริหารอันดับหนึ่งของบริษัทนี้ถูกจับกุมในข้อหาล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ จึงเกิดคำถามว่าบริษัทนี้มี ‘บริษัทภิบาล’ หรือธรรมาภิบาลของบริษัท อย่างที่เขียนบอกกับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนดังที่ว่าไปนี้ จริงหรือไม่
แน่นอนว่า ในคดีอาญาต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด เราจึงไม่พึงไปตัดสินใครล่วงหน้าก่อนศาลพิพากษา ผิดจริงหรือไม่แค่ไหนอย่างไร เพื่อความเป็นธรรมต่อคุณเปรมชัย กรรณสูตร และต่อเสือดำ เก้ง ไก่ฟ้าที่ถูกยิงตายไปแล้วด้วย ต้องให้เรื่องนี้ไปถึงศาลครับ!
แต่ก่อนจะถึงศาล การถูกจับกุมในที่เกิดเหตุ พร้อมของกลางประกอบด้วยซากสัตว์ และอาวุธปืนไรเฟิลที่ใช้ล่าพร้อมเครื่องกระสุน รวมทั้งหลักฐานอื่นมากมาย แค่บอกว่า “พร้อมจะขอโทษ แต่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย” จะยังเป็นผู้บริหารของบริษัทที่บอกว่าจะไม่กระทำการใดที่จะ “มีผลเสียต่อทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม” และมุ่ง “ปลูกฝังจิตสาธารณะของความรับผิดชอบต่อสังคมให้เกิดในหมู่พนักงานทุกระดับอย่างจริงจัง” ได้อยู่หรือครับ
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล แต่เป็นเรื่องของผู้บริหารของบริษัทที่ต้องข้อหาโดยถูกจับกุมในที่ก่อเหตุพร้อมด้วยของกลางและหลักฐาน ซึ่งเป็นข้อหาที่ขัดต่อ ‘บริษัทภิบาล’ ของบริษัทอย่างแจ้งชัด บริษัทที่รับงานก่อสร้างจากรัฐเป็นแสนล้าน และเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีผู้ถือหุ้นมากมาย ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมครับ หาไม่แล้ว พวกเราประชาชนก็จำเป็นที่จะต้องมีมาตรการทางสังคมต่อบริษัทนี้กันหน่อยแล้วครับ!
