“อากาศ น้ำ อาหาร” “จำเป็น”กลับ”ไม่สำคัญ” คอลัมน์ หิวหรืออิ่มก็ยิ้มพอกัน

หลายวัน หรือถ้าจะว่าไปหลายสัปดาห์มาแล้วที่คนในกรุงเทพมหานคร สัมผัสได้ถึงอากาศที่ผิดปกติ บรรยากาศที่ครอบคลุมพื้นที่เมืองหลวงของไทยเราอยู่ในสภาวะขมุกขมัว เหมือนกับถูกหมอกปกคลุม แต่เป็นหมอกที่สีเข้มคล้ำมากกว่าละอองน้ำขนาดเล็ก

แต่เป็น “ฝุ่นขนาดเล็ก” ที่หน่วยงานซึ่งมีหน้าที่ดูแลเรื่องมลภาวะบอกว่าเป็น “ฝุ่นอันตราย” เพราะขนาดของฝุ่นเล็กเกินกว่าที่ระบบร่างกายจะกรองไม่ให้เข้าสู่ปอด และระบบทางเดินหายใจได้

สื่อมวลชนทั้งของไทยเราและของต่างประเทศ นำเสนอข่าวอย่างพร้อมเพรียงว่า “กรมควบคุมมลพิษ” แถลงถึงดัชนีคุณภาพอากาศ ว่าจำนวนฝุ่นละอองในกรุงเทพฯอยู่ในระดับสีแดง

ซึ่ง “มีผลต่อสุขภาพอย่างมาก”

Advertisement

เสี่ยงต่อการเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ

เตือนกันอยู่หลายวัน

แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้สึกเดือดร้อนกับเรื่องนี้

Advertisement

ดังกับว่าอากาศที่เลวร้ายไม่มีความสำคัญอะไร

นึกๆ ดูแล้วเรื่องนี้มีมุมให้คิดอยู่ไม่น้อย

เราเรียนรู้กันมาตลอดว่า ร่างกายของมนุษย์ดำรงอยู่และเติบโต พัฒนาไปได้ด้วยปัจจัยสำคัญใน 3 เรื่อง คือ “อาหาร น้ำ อากาศ”

คนเราให้ความสำคัญกับ “อาหาร” เป็นอันดับแรก

ตามด้วย “น้ำ” มี “อากาศ” อยู่ท้ายสุด

ที่เป็นเช่นนี้อาจจะเพราะ “อาหาร” เป็นสิ่งที่เราต้องแสวงหามา และหายากกว่าน้ำ ส่วน “อากาศ” เป็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติตลอดเวลา

อาหารและน้ำเป็นเรื่องที่เราจะต้องจัดการกินและดื่มเข้าไปเอง

แต่ “อากาศ” เป็นเรื่องของการหายใจที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ

เพราะต้องหาและต้องจัดการคนเราจึงให้ความสำคัญกับอาหารและน้ำมากกว่า

เพราะให้ความสำคัญและต้องการจัดการ จึงได้คิดที่จะปรุงแต่งอาหาร และน้ำกันอย่างหลากหลาย

“อาหาร” อร่อย

“น้ำ” สารพัดแบบ

มนุษย์พยายามคิด พยายามสร้าง และมีวิวัฒนาการไม่หยุดหย่อน

อาหารและน้ำสามารถแปลงเป็นธุรกิจสร้างความร่ำรวย และชื่อเสียงให้กับมนุษย์ได้มากมาย

แต่การคิดให้ “อากาศ” เป็นสินค้านั้นยังเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเห็น

เรื่องนี้น่าคิดตรงที่ หากมองในความเป็นจริงของชีวิต

มนุษย์เรารับรู้กันตั้งแต่เริ่มมีชีวิตแล้วว่า “อากาศ” มีความสำคัญต่อการ “อยู่” หรือ “ตาย” ของมนุษย์มากกว่า

คนเราหยุดหายใจแค่ 2 นาที ก็แทบทนไม่ได้ มีผลการศึกษาเสียด้วยว่า “คนเราหยุดหายใจได้นานที่สุดแค่ 11 นาที” หากไม่มีอากาศไปเลี้ยงสมอง คนเราจะอยู่ไม่ได้ จะต้องตายเพราะขาดอากาศ

ขณะที่เราอาจจะสามารถอดน้ำยาวนานถึง 7 วัน และอดอาหารได้เป็นเดือน

ซึ่งถ้าจัดลำดับความสำคัญโดยเรียงตามเวลาที่ชีวิตขาดไม่ได้

“อากาศ” น่าจะมีความสำคัญเป็นอันดับแรก

รองไปเป็น “น้ำ”

และ “อาหาร” อยู่ในอันดับท้ายสุด เป็น “อากาศ น้ำ อาหาร”

เพียงแต่ว่าอาจจะเป็นเพราะคนเราให้ความสำคัญตามที่ “ชอบ” หรือ “ไม่ชอบ” มากกว่า “จำเป็น” หรือ “ไม่จำเป็น”

เมื่อไม่มี “อากาศ” ที่หายใจเข้าไปแล้ว “อร่อย” จนเป็นที่ติดอกติดใจ

เหมือน “น้ำ” ที่พอจะรู้สึก “อร่อย” ได้บ้าง

หรือ “อาหาร” ที่สัมผัสความอร่อยให้เกิดความพออกพอใจได้ชัดเจนกว่า

“อาหาร น้ำ อากาศ” จึงเป็นการจัดเรียงความสำคัญที่ก่อความเข้าใจมากกว่าสำหรับคนทั่วไป

และเพราะการไม่ให้ความสำคัญนี่เอง อาจจะเป็นเหตุให้คนกรุงเทพฯที่ต้องเผชิญ “อากาศที่เป็นพิษ” ติดต่อกันมาหลายสัปดาห์ ไม่ได้แสดงความรู้สึกเดือดร้อนและให้ความสำคัญ

การค้นพบ “ร้านอร่อย” ยังชวนให้ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image