รวบอดีตลูกน้องโกตี๋! ซุกระเบิด-ไปป์บอมบ์กลางเมืองทอง

ตำรวจโรงพัก ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุพบวัตถุระเบิด ที่ห้องเลขที่ 2/28 ชั้น 2 อาคารที 10 คอนโดเมืองทองธานี ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ฝ่ายปกครอง ชุดสืบสวน เข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่า สภาพห้องรกรุงรัง ภายในมีข้าวของกระจัดกระจาย เช่นถุง พลาสติก เสื้อผ้า เศษขยะ เสื้อผ้าแขวนไว้หลายชิ้น จากการตรวจสอบพบ ระเบิดขว้างสังหารเอ็ม 26 สภาพพร้อมใช้งาน 1 ลูก ประทัดยักษ์พันตะปู 2 ลูก ไปป์ บอมแบบจุดข้าง 3 ลูก ระเบิดปิงปองพันเทปสีดำ 4 ลูก ประทัดลูกบอล 23 ลูก พลุดอกไม้ไฟ 3 อัน เสื้อแดง ผ้าพันคอสีเหลือง มือตบรูปหัวใจ และสายรัดมือลายธงชาติ เจ้าหน้าที่จึงทำการเก็บกู้ และเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อทำการตรวจสอบ

โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบห้องที่เกิดเหตุอยู่นั้น นายกฤษชาภณ พูลศิลป์ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาได้เดินขึ้นไปที่ห้องเกิดเหตุ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายกฤษชาภณ ได้หันหลังเดินกลับลงมาอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ จึงไล่ติดตามจนสามารถจับกุมตัวได้

Advertisement

เบื้องต้นจากการสอบสวนทราบว่านายกฤษชาภณ ผู้ต้องหาได้เช่าห้องที่เกิดเหตุมานานกว่า 5 ปี แต่ไม่จ่ายค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ จนถูกตัดน้ำ ตัดไฟ ก่อนเกิดเหตุเจ้าของห้องได้ใช้ให้แม่บ้านมาทำความสะอาดห้อง เพื่อให้คนอื่นเช่าจนพบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว

ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมมนณกุล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาที่เกิดเพื่อสอบปากคำนายกฤษชาภณ ผู้ต้องหา ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มาทำข่าวกันเป็นจำนวนมาก

จากการสอบสวนนายกฤษชาภณ รับสารภาพ ระเบิดทั้งหมดเป็นของ นายธีรชัย อุตรวิเชียร หรือนายระพิน อดีตการ์ดกลุ่มเดียวกันกับนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดงปทุมธานี ที่นำมาฝากเอาไว้โดยนายระพิน ถูกจับกุมคดีครอบครองอาวุธสงคราม อั้งยี่ซ่องโจร เมื่อวันที่ 18 มี.ค.2560 ที่ผ่านมา ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ โดย นำมาฝากไว้หลังเลิกชุมนุมทางการเมืองจากเวทีบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ จ.ปทุมธานี เมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา

Advertisement

ด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า จากการสอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้นรับสารภาพว่าเป็นลูกน้องของนายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ กลุ่มคนเสื้อกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ประกอบระเบิด โดยวัตถุระเบิดที่ห้องนั้นเป็นของที่เก็บได้และนำมาสะสมไว้เท่านั้น อย่างไรก็ตามตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะจากลักษณะใกล้เคียงกับระเบิดเมื่อปี 2557 ที่อยู่ด้านหน้าห้างสยามพารากอนแต่รายละเอียดนั้นต้องส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ และจะตรวจสอบว่ายังมีบุคคลอื่นเข้ามากันก่อเหตุหรือไม่ ส่วนการพบระเบิดในครั้งนี้ ทำให้ตำรวจต้องเฝ้าระวังมากยิ่งขึ้นเนื่องจากถือว่ากลุ่มนี้ทั้ง 27 คนเป็นกลุ่มที่ฝ่ายความมั่นคงจับตาดูความเคลื่อนไหวอยู่ ส่วนนายกฤษชาภณ ผู้ต้องหา ได้อาศัยมาตรา 44 ควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำอย่างละเอียดเพื่อขยายผล หลังสอบสวนเสร็จก็จะนำตัวมาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image