ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
โอลิมปิกฤดูหนาวเป็นมหกรรมกีฬาที่บ้านเรามีส่วนร่วมน้อย เพราะกีฬาที่แข่งเป็นกีฬาของภูมิภาคที่มีหิมะและน้ำแข็ง
ถึงแม้เราจะมีช่างแกะสลักน้ำแข็งและหิมะที่ได้รางวัลทุกปีจนมีคนปลื้มว่า ฝีมือคนไทยเก่งขนาดไหน ทั้งๆ ที่บ้านเราไม่มีหิมะ แต่กีฬาเป็นคนละเรื่อง เพราะใช้ทักษะต่างกัน
อย่างไรก็ตาม ปีนี้โอลิมปิกฤดูหนาว พยองชังเกมส์ 2018 ที่เกาหลีใต้ มีข่าวให้ติดตามเป็นพิเศษ เพราะว่าการเมืองระหว่างประเทศตลบอบอวลมาก จนแทบจะเป็นเวทีประลองการทูตระหว่างชาติคู่ปรับ
โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ของสองเกาหลี เหนือ-ใต้ ที่มีสหรัฐอเมริกาคั่นกลางอยู่
คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือแสดงให้เห็นถึงการเดินเกมการทูตที่ไม่ธรรมดา แทนที่จะส่งผู้นำเบอร์รองวัยอาวุโสนำทีมมาคนเดียว ก็ส่งน้องสาวหน้าแฉล้ม อายุเพิ่งขึ้นต้นเลข 3 มาเยือนถึงถิ่นโสมขาวด้วย
สื่อเกาหลีใต้และสื่ออินเตอร์ของชาติตะวันตกลงความเห็นคล้ายกันว่า มิสคิม โยจอง น้องสาวนายคิม เป็น “ทอล์ก ออฟ ดิ โอลิมปิก”
นอกจากมาร่วมชมพิธีเปิดการแข่งขันที่นั่งอยู่ด้านหลัง นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ และ นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ยังนำจดหมายเชิญไปเยือนเกาหลีเหนือของพี่ชายมาส่งให้ นายมุน แจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้อย่างไม่เคอะเขิน
เมื่อบวกกับคณะเชียร์ลีดเดอร์ คณะนักแสดง นักร้อง-นักดนตรีจากเกาหลีเหนือที่มาโชว์ในโอลิมปิกครั้งนี้ตอกย้ำว่าการทูตที่ใช้ผู้หญิงช่วยเดินเกมนั้นดูนุ่มนวลและแสดงความเป็นมิตรได้เป็นอย่างดี
จนทั้งสหรัฐและญี่ปุ่นต้องช่วยกันดึงเกาหลีใต้ว่า อย่าได้เอนเอียงไปตกหลุมพราง “การทูตโปรยยิ้ม” ให้มากนัก เพราะถึงอย่างไรเกาหลีเหนือก็ไม่ได้หวานอย่างที่แสดงออกมา
แต่ไม่ว่าสุดท้ายแล้วรัฐบาลเกาหลีใต้จะว่าอย่างไร ถือได้ว่านายคิมเหมือนได้เหรียญโอลิมปิกไปครองแล้ว จากการบรรลุผลที่ต้องการสื่อสารว่า เกาหลีเหนือก็อ่อนหวานเป็น ทั้งที่ครอบครองอาวุธทรงอานุภาพอย่างนิวเคลียร์ไว้แล้ว
การทดสอบอาวุธทรงอานุภาพของเกาหลีเหนือทั้งขีปนาวุธข้ามทวีปและลูกระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดิน สะท้อนว่านายคิมต้องการอำนาจในการต่อรองบนเวทีระหว่างประเทศ เพราะลำพังประเทศที่เป็นแดนสนธยา ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก ไร้เศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับโลก ทำให้เกาหลีเหนือไม่มีอำนาจอื่นๆ ใดเลยที่จะต่อรองกับประเทศอื่นๆ ได้
เมื่อสถานการณ์ถลำมาถึงขั้นนี้แล้ว จึงยากที่จะให้เกาหลีเหนือกลับไปมีสถานะเป็นรองได้อีก
การรักษาอำนาจในการต่อรองทางการทูต แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกประเทศต้องขวนขวายไปสร้างอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง หากต้องแสดงถึงศักยภาพของประเทศของตัวเองให้ได้
สำหรับประเทศไทย มีภูมิศาสตร์และระบบเศรษฐกิจที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมภูมิภาคอาเซียนได้ แต่กลับขยายศักยภาพไม่ได้มาก
เฉพาะเรื่อง “สองพี่น้อง” มาเที่ยวปักกิ่งช่วงตรุษจีน ก็แสดงให้เห็นว่าไม่กล้าไปถามจีน หรือจะหันไปถามต้นทางที่อังกฤษก็คงไม่กล้าอีก แม้รัฐมนตรีต่างประเทศเขาจะมาเยือนไทยถึงที่
ส่วนแผนการสร้างไฮสปีดเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่กับญี่ปุ่น ก็ดูท่าจะต่อรองได้ยากอีก
แม้จะใช้การทูตโปรยยิ้มได้กับทุกประเทศแล้ว ก็ได้เพียงแต่การยิ้มกลับมาเท่านั้น
……………..
ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์