บทสรุปจากปู-แม้ว โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน 

ไม่ผิดคาดที่วิเคราะห์กันเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีออกจากประเทศไทย เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2560 ซึ่งเชื่อว่าเสียงร้องของทางการไทยเพื่อให้ประเทศต่างๆ ช่วยกันจับกุมตัวส่งกลับมารับโทษในประเทศไทย จะเป็นเหมือนกรณี ทักษิณ ชินวัตร

ที่ไม่เคยมีประเทศไหนขานรับมานับสิบปี

ลงเอยกรณียิ่งลักษณ์ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ คือการประสานหมายจับไปยังตำรวจสากล ไม่เคยได้รับคำตอบ เว็บไซต์ของอินเตอร์โพลไม่มีการขึ้นชื่อประกาศจับยิ่งลักษณ์ เช่นเดียวกับที่ไม่เคยมีการขึ้นบัญชีรายชื่อทักษิณเลย

ไม่เท่านั้น หลังจากที่ยิ่งลักษณ์เริ่มเปิดตัวให้เห็นกลางกรุงลอนดอนในช่วงปีใหม่

Advertisement

มาล่าสุดในเทศกาลตรุษจีน คราวนี้โผล่พร้อมกันทั้งทักษิณและยิ่งลักษณ์ ท่องเที่ยวฉลองเทศกาลปีใหม่ของชาวจีนที่ปักกิ่ง

ก่อนจะไปญี่ปุ่น ต่อด้วยฮ่องกง และอาจจะแวะมาที่สิงคโปร์ในเร็วๆ นี้

โชว์ตัวพร้อมกัน 2 พี่น้องชินวัตร และ 2 อดีตนายกฯที่ต้องหลบหนีออกจากประเทศไทย

Advertisement

ส่งผลอย่างไรต่อการเมืองไทย สั่นสะเทือนขนาดไหนต่อขั้วตรงข้ามทางการเมืองกับตระกูลชินวัตร คงไม่ต้องอธิบายกันมาก

ผู้นำรัฐบาล คสช. หงุดหงิดอย่างมากๆ แน่นอน

เพราะกลายเป็นคำถามที่กระหึ่มไปทั่วสังคมว่าทำไมทางการไทยไม่ได้รับการช่วยเหลือในการจับกุมตัว 2 พี่น้องที่หลบหนีคดีจากประเทศใดๆ เลย

แม้กระทั่งจากประเทศจีน ซึ่งเป็นมหามิตรที่สำคัญของรัฐบาลทหาร คสช. กลับปล่อยให้ 2 อดีตนายกฯไปเดินซื้อเกาลัดถ่ายรูปโชว์หราได้

แล้วมาตรการอื่นๆ อีกเล่า เช่น การถอนพาสปอร์ตของยิ่งลักษณ์ ของทักษิณก็ถอนกันไปนานแล้ว

แต่ทั้งคู่ก็สามารถมีพาสปอร์ตของประเทศอื่นใช้ได้อย่างสบายๆ นั่นคงสอดคล้องกับข้อมูลที่ว่า นับสิบปีที่ผ่านมา ทักษิณใช้เวลาไปกับการเดินทางทำธุรกิจการค้าในหลายประเทศ และสามารถเข้าถึงรัฐบาลหลายชาติ จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการมีพาสปอร์ตของประเทศใดประเทศหนึ่ง

เหมือนกับว่า ทางการไทยไม่สามารถทำอะไรกับ 2 พี่น้องชินวัตรได้เลย ยกเว้นไม่ให้เข้าไทย

ในแง่นี้ สำหรับคนที่เกลียดชังทักษิณ-ยิ่งลักษณ์อย่างเข้ากระดูกดำ ย่อมมองว่า นี่คือชะตากรรมของคนที่กระทำผิดร้ายแรงจนถึงขั้นไม่มีแผ่นดินอยู่ ต้องหนีเตลิดออกไปอยู่ต่างประเทศ ชาตินี้จะไม่มีทางกลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอนได้อีก

แต่คนที่มองการเมืองด้วยสายตาปกติจะมองว่า เมื่อหลบหนีออกไปแล้ว ทั้ง 2 อดีตนายกฯ กลับสามารถเดินทางไปไหนมาไหนในโลกใบนี้ได้อย่างสบาย ไม่มีตำรวจสากลมาไล่ล่า ไม่มีทางการประเทศไหนร่วมมือช่วยจับตัว

สะท้อนถึงสายตาของทั่วโลกที่มองว่าเป็นการหลบหนีด้วยปัญหาการเมือง ทั้งยังมองด้วยว่าการเมืองไทยเต็มไปด้วยการใช้อิทธิพลแทรกซ้อน มีการใช้อำนาจแฝงเร้นจนไม่เป็นปกติ ไร้มาตรฐาน

หนักกว่านั้น เดิมทีมีทักษิณเคลื่อนไหวในเวทีสากลเพื่อเขย่าศัตรูทางการเมืองในไทยอยู่เนืองๆ คราวนี้จะมียิ่งลักษณ์มาเสริมอีกแรง ย่อมเพิ่มผลสะเทือนมากขึ้น

เอาเป็นว่าหากการเลือกตั้งมีขึ้นเมื่อไร เราน่าจะได้เห็นการหาเสียงข้ามประเทศพร้อมกันของ 2 พี่น้องชินวัตรแน่ๆ

ทั้งหลายทั้งปวงสะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการกำจัดศัตรูทางการเมือง ที่ฝ่ายหนึ่งกระทำทุกวิถีทาง ลงมือรัฐประหารถึง 2 ครั้ง และมีการดำเนินคดีในช่วงรัฐบาลทหาร จนสุดท้ายอีกฝ่ายต้องหลบหนีออกนอกประเทศ

เป็นชัยชนะจริงหรือ

น่าจะเป็นการเพิ่มปัญหามากกว่า ทั้งจะนำมาซึ่งการตอบโต้ไม่มีสิ้นสุด ปัญหาไม่มีวันจบ

เพราะไม่ต่อสู้กันตามกระบวนการเลือกตั้ง ตามวิถีประชาธิปไตย

แต่ไปใช้อำนาจไม่ปกติมาจัดการ เลยนำมาซึ่งสถานการณ์อันไม่ปกติยิ่งกว่า

…………….

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image