เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นายธนชน มุทาพร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ชัยภูมิ เขต 1 ประธานชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย (ชร.ผอ.สพท.) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากชมรมครูชนบทแห่งประเทศไทยว่าได้ทำหนังสือถึงนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพื่อทวงถามความคืบหน้าเรื่องการแก้ไขคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ในข้อที่ 13 เนื่องจากศธ.ได้ส่งเรื่องให้นายวิษณุ นานแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายละเอียดของหนังสือดังกล่าว ระบุว่า ตามที่ศธ.ได้เสนอการแก้ไขคำสั่งคสช.19/2560 ข้อ 13 เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งการใช้อำนาจในการบริหารจัดการศึกษาภูมิภาคระหว่างผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(ผอ.สพท)กับศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.)แล้วนั้น บัดนี้การจัดการศึกษาภูมิภาคเกิดปัญหากระทบอย่างหนัก ดังนี้ 1.การย้ายผู้บริหารสถานศึกษาปี 2560 ทดแทนตำแหน่งที่เกษียณประมาณ 7000 ตำแหน่ง ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากศาลปกครองอุบลราชธานีมีคำสั่งทุเลาหลักเกณฑ์การย้ายผู้บริหารสถานศึกษาปี 2560 ตาม ว 24/2560 จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา และไม่ทราบศาลจะใช้เวลาในการพิจารณานานเท่าไร ไม่มีใครไปกดดันศาลได้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 ถึงวันนี้ก็เกือบ 5 เดือนแล้ว ทำให้สถานศึกษาขาดผู้บริหาร การศึกษาของชาติเกิดความเสียหายมากขึ้น ผู้เกี่ยวข้องไม่คิดทำอะไร ปล่อยเวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ
2.อำนาจในการแก้ปัญหาตามคำสั่ง คสช.19/2560 ข้อ 13 เป็นของศธจ. ก็ไม่คิดทำอะไรเหมือนกัน บอกว่าจะขัดคำสั่งศาลปกครอง ทั้งที่ศาลได้ชี้ช่องทางออกให้ใช้ ว9/2554 ได้ ก็ไม่คิดทำ แตะถ่วง ยื้อเวลา บางจังหวัดข้ดแย้งกันอย่างหนักระหว่างศธจ.กับผอ.สพท. และ 3.ขณะนี้โรงเรียนที่ขาดผู้บริหารสถานศึกษาส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ นโยบายเร่งด่วนต้องทำเพื่อเตรียมรองรับเปิดเทอมใหม่ปี 2561 เช่น การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การรับนักเรียน การจัดซื้อจัดจ้างวัสดุอุปกรณ์การศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดปีการศึกษา 2561 ไม่สามารถดำเนินการได้
“เพื่อผลประโยชน์การศึกษาชาติ ขอความเมตตาได้โปรดพิจารณารีบประกาศแก้ไขคำสั่ง คสช.19/2560 ข้อ 13 โดยเร็ว ปัญหาดังกล่าวก็จะคลี่คลายได้ การศึกษาชาติจะเดินหน้า” หนังสือระบุ
