ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีคนงานร้านรับซื้อของเก่า ร้านวงษ์พาณิชย์ กระบี่ สาขาเหนือคลอง นำเหล็กลักษณะกลมๆ ซึ่งไม่ทราบว่าคือระเบิด ก่อนเคาะดูจนเกิดระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย เป็นคนงานพม่า 1 รายแขนขาด และชายไทยได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย นำส่ง รพ.กระบี่
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ร.ต.ท.ครรชิต เปี่ยมอภัยทอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด กองกำกับการสืบสวน ภ.จว.กระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน สภ.เมืองกระบี่ เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุระเบิดภายในร้านรับซื้อของเก่า ชื่อร้าน วงษ์พาณิชย์ กระบี่ สาขาเหนือคลอง เลขที่ 313 ม.3 ต.เหนือคลอง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ หลังเกิดเหตุคนงานคัดแยกเศษเหล็กถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บ กู้ภัยเหนือคลองเข้าช่วยเหลือนำส่ง รพ.กระบี่
ในที่เกิดเหตุอยู่บริเวณลานกองของเก่าที่รับซื้อมา มีคราบเลือดไหลนองเต็มพื้น เศษชิ้นเนื้อกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยเหนือคลองและกู้ภัยสันติสุขเหนือคลองเข้าช่วยเหลือนำส่ง รพ.ไปก่อนหน้า คือ นายโกโก๊ะ ตัน อายุ 24 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณท่อนแขนขวาขาดแหลกละเอียดชิ้นเนื้อกระจัดกระจายเกลื่อน อวัยวะเพศแหลกละเอียด ขาขวาเป็นแผลฉกรรจ์ อาการสาหัส และนายธวัชชัย ชูยงค์ อายุ 27 ปี บ้านอยู่ อ.เหนือคลอง ได้รับบาดเจ็บเบ้าตาขวาแตก ตามร่างกายมีบาดแผลฉกรรจ์ ซึ่งหลังนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่ง รพ.กระบี่ แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เหนือคลอง ทำการกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าจุดเกิดเหตุ
ร.ต.ท.ครรชิต เปี่ยมอภัยทอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบหลุมมีลักษณะเป็นแรงอัดและเป็นรูจากสะเก็ดระเบิด เชื่อได้ว่าน่าจะเป็นวัตถุระเบิดแน่นอน แต่ยังระบุชนิดไม่ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บชิ้นส่วนทั้งหมดส่งไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ด้านนายนพ อายุ 30 ปี คนงานชาวไทยที่อยู่ในช่วงเกิดเหตุ เล่าว่า ขณะเกิดเหตุนายโกโก๊ะได้หยิบวัตถุออกมาจากกระสอบปุ๋ย เป็นลักษณะกลมๆ เล็กๆ ขนาดเท่ากำปั้นขึ้นสนิม จึงใช้ค้อนเคาะดู จังหวะนั้นก็เกิดระเบิดขึ้นจนเป็นเหตุให้ทั้ง 2 ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ต่อมาเมื่อช่วงเย็นวันเดียวกัน พ.ต.ต.ไพโรจน์ ชนะชัย สารวัตรสอบสวน สภ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ได้เชิญตัวนายถนัด ดอกพุฒ อายุ 36 ปี ผู้จัดการโรงงาน และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เข้าให้ปากคำในเบื้องต้นที่ สภ.เหนือคลอง ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้สืบหาที่มาของระเบิดดังกล่าวว่าใครเป็นผู้นำมาขาย หรือรับซื้อมาจากที่ใดต่อไป
