ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
“เหน่อ” หมายถึง เสียงพูดต่างไปจากสำเนียงที่ถูกสถาปนาว่าเป็นมาตรฐาน เช่น เสียงเหน่อ, พูดเหน่อ
สำเนียงมาตรฐาน คือเสียงพูดคนชั้นนำกรุงเทพฯ พบหลักฐานขณะนี้เก่าสุดสมัย ร.3 [อาจมีเก่ากว่านี้ แต่ยังไม่พบ]
เสียงกรุงเทพฯ เมื่อถูกสถาปนาเป็นสำเนียงมาตรฐาน จึงฟังเสียงคนอื่นที่ต่างไปอย่างเหยียดๆ ว่า เหน่อ
สำนึกเหยียดๆ เก่าสุดที่มีต่อเสียงเหน่อขณะนี้พบในนิราศเมืองเพชรของสุนทรภู่ (แต่งช่วงปลายแผ่นดิน ร.3) เมื่อนั่งเรือจากกรุงเทพฯ ไปเพชรบุรี ครั้นพ้นเมืองท่าจีน (สมุทรสาคร) เข้าคลองลัดไปเมืองแม่กลอง (สมุทรสงคราม) ก่อนทะลุออกแม่น้ำแม่กลองต้องผ่านชุมชนหนึ่งปลูกทับทิม มีแม่ค้าแม่ขายร้องขายผลทับทิมด้วยเสียงเหน่อๆ ดังกลอนนิราศตอนหนึ่งว่า
มาตั้งขายฝ่ายเจ้าของไม่ต้องถือ เห็นเรือล่องร้องว่าซื้อทับทิมเหนอ
จะพูดจาคารวะทั้งคะเออ เสียงเหน่อเหน่อหน้าตาหน้าเอ็นดู
[นิราศเมืองเพชร ของ สุนทรภู่]
เหน่อของยุคกรุงเทพฯ เป็นสำเนียงหลวงครั้งกรุงเก่าซึ่งมีหลายอย่างแตกต่างไปตามท้องถิ่นยุคนั้น เช่น เหน่อโคราช, เหน่อระยอง-จันทบุรี, เหน่อสุพรรณ-เพชรบุรี ต่อเนื่องถึงเหน่อปักษ์ใต้
สำเนียงหลวงกรุงเก่า มีหลักฐานหลายอย่าง เช่น เจรจาโขนสืบเนื่องสำเนียงกรุงเก่า, อักขรวิธีในกลอนบทละครนอกกรุงเก่าลงวรรณยุกต์ตามเสียงเหน่อ
ขุนช้างขุนแผน ฉบับพิมพ์ ซึ่งแต่งสมัย ร.3, ร.4 ยังมีเค้าเสียงเหน่อในบางแห่ง เช่น คำว่า สวมกอด ยังสะกดว่า ส้วมกอด เป็นต้น
ทอดน่องท่องเที่ยวท่าจีน
เขียนเกี่ยวกับสำเนียงเหน่อต่อเนื่องมานานหลายครั้ง แต่ไม่เคยพบหลักฐานอย่างที่เขียนคราวนี้
เหตุที่เพิ่งพบ เพราะคุณขรรค์ชัย บุนปาน กำหนดไปทอดน่องท่องเที่ยวท่าจีน (ท่าฉลอม-มหาชัย) สมุทรสาคร ที่ผ่านมาเมื่ออังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 ก่อนหน้านั้นผมเตรียมข้อมูลโดยต้องอ่านนิราศเมืองเพชรของสุนทรภู่ เลยพบโดยไม่เจตนา