นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2018 ว่า จนตอนนี้การเจรจาคืบหน้าไปมาก กลุ่มคิง เพาเวอร์ ที่เป็นตัวแทนในการเจรจาแจ้งมาว่าใกล้จะมีการเซ็นสัญญาแล้ว มั่นใจว่าจะภายในเดือนกุมภาพันธ์จะมีการแถลงข่าวการเซ็นสัญญา และประกาศช่องในการถ่ายทอดสดอย่างเป็นทาง ในส่วนของช่องที่จะถ่ายทอดสดให้ฝ่ายเอกชนที่ลงทุนหารือกันเอง กกท.ไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ค่าลิขสิทธิ์ 1,400 ล้านบาทที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรก ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่ม-ลด
ส่วนหน่วยงานที่เข้ามาร่วมทุนนั้น เนื่องจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ต้องการให้มีปัญหาเรื่องการใช้ภาษีประชาชนมาซื้อลิขสิทธิ์ ซึ่งประชาชนบางส่วนไม่ได้ต้องการดูฟุตบอลโลก ทำให้สำนักงานกินแบ่งรัฐบาลในฐานะภาครัฐจึงต้องถอนตัว ทำให้ตอนนี้มีบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด หรือช้าง, บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส และเครือ ปตท. เป็น 7 บริษัทในการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกหนนี้
นายสกลกล่าวต่อว่า เชื่อว่าจะมีการละเมิดลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกเหมือนทุกครั้ง ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า) และทางผู้ดูแลลิขสิทธิ์ในไทยจะมีการช่วยกันสอดส่องอย่างเข้มงวด สำหรับการซื้อลิขสิทธิ์ครั้งนี้เป็นการซื้อครั้งเดียวจบ ไม่ได้พ่วงต่อสองครั้งเหมือนการซื้อลิขสิทธิ์ของเอกชนที่ผ่านมา ฟุตบอลโลกครั้งหน้าก็ว่ากันใหม่
“ผมมองว่าไม่ล่าช้าเกินไป เพราะมีเวลาอีกหลายเดือน เดือนนี้ทุกอย่างจะเรียบร้อย หลังจากนั้นอีก 3 เดือนก่อนแข่งขันก็จะมีกิจกรรมต่างๆ ในการโปรโมทฟุตบอลโลกอย่างเต็มที่” นายสกลกล่าวทิ้งท้าย
