สพฐ.ไฟเขียวรับ ม.4 เกิน 40-50 คน/ห้อง เปิดช่องเพิ่มห้องเรียน (คลิป)

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) วาระพิเศษ ว่า ที่ประชุมได้หารือ การแก้ไขปัญหาการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปีการศึกษา 2561 ที่กำหนดจำนวนนักเรียนต่อห้อง โดยก่อนประถมศึกษา 30 คนต่อห้อง ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา 40 คนต่อห้อง ทำให้ผู้ปกครองกังวลว่าจะกระทบต่อการเลื่อนชั้นโรงเรียนเดิมของเด็ก โดยเฉพาะอนุบาล 3 ขึ้นป.1 และม.3 ขึ้นม.4 ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ปัญหา ที่ประชุมจึงมีมติว่า ในปีการศึกษา 2561 การรับนักเรียนชั้นม.1 ให้ยึดตามหลักเกณฑ์ 40 คนต่อห้อง ส่วนช่วงรอยต่อนักเรียนชั้นม.3 ขึ้นม.4 ในโรงเรียนเดิมซึ่งมีปัญหานักเรียนจะถูกคัดออกจำนวนมากก็เปิดโอกาสให้โรงเรียนที่มีเหตุผลและความจำเป็นไม่สามารถปฏิบัติตามนโยบายได้ ทำแผนเสนอต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขอขยายห้องเรียน หรือเพิ่มจำนวนนักเรียนต่อห้อง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมแต่ละสถานศึกษา จากนั้นให้ไปขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการรับนักเรียนของเขตพื้นที่การศึกษาที่สังกัดอยู่

นายบุญรักษ์ กล่าวต่อว่า การยืดหยุ่นดังกล่าวให้รวมไปถึงโรงเรียนทั่วไปด้วย ไม่เฉพาะโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง เนื่องจากหากเด็กล้นจากโรงเรียนแข่งขันสูงจำเป็นต้องไปอยู่โรงเรียนใกล้เคียง ซึ่งถ้าเด็กไปเป็นจำนวนมากอาจจะเกินห้องละ 40 คน ก็จะปฏิบัติตามระเบียบไม่ได้อีก เพราะฉะนั้น จึงให้ปรับแผนรองรับไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมกพฐ.ได้ย้ำว่าการรับนักเรียนต้องคำนึงถึงพื้นที่ใช้สอยในห้องเรียนด้วย ดังนั้นเมื่อขยายแล้วต้องไม่เกิน 50 คน สำหรับปีการศึกษา 2562 และ 2563 ที่ยังมีนักเรียนม.ต้นค้างท่อ จะมีการหารือกันอีกครั้ง หากจำเป็นต้องยืดหยุ่นจนเด็กรุ่นนี้จบม.ต้น ก็จะสามารถยืดหยุ่นได้ถึงปีการศึกษา 2563 ส่วนปีการศึกษา 2564 ปัญหานี้จะไม่มีอีก เพราะนักเรียนที่เข้าเรียนม.1 ในปีการศึกษา 2561 จะล็อกจำนวนอยู่ที่ 40 คนต่อห้องอยู่แล้ว

“มตินี้เป็นการแก้ปัญหาช่วงรอยต่อเพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน แต่ในอนาคตการลดจำนวนนักเรียนลงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้เกิดคุณภาพในการจัดการเรียนการสอน และสิ่งที่ดำเนินการหลังจากนี้อีก 2 เรื่อง คือ การวางแมปปิง (Mapping) เพิ่มจำนวนโรงเรียนเนื่องจากการขยายตัวของเมืองทำให้มีประชากรเพิ่มขึ้น การเดินทางสะดวกสบาย จึงต้องมีการวางแผนรองรับโดยอาจจะตั้งโรงเรียนเพิ่ม หรือขยายอาคารเรียน หรือเพิ่มห้องเรียนในโรงเรียนที่มีอยู่แล้ว เป็นต้น นอกจากนี้ กพฐ.ยังเสนอให้เร่งดำเนินการทำโรงเรียนคู่พัฒนาโดยให้โรงเรียนแข่งขันสูง 282 โรงไปจับคู่โรงเรียนใกล้เคียงในการพัฒนาคุณภาพควบคู่กัน โดยให้เริ่มดำเนินการทันที”นายบุญรักษ์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image