ครูปรีชา ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ควันออกหู ฟิวขาดจวกสื่อยับ และเตรียมฟ้องสื่อ ขณะที่น้อมรับคดีนี้ต้องมีคนติดคุก แต่ขอต่อสู้ในชั้นศาลจนถึงที่สุด
ความคืบหน้ากรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวว่า ทางกองปราบปรามเปิดเผยผลการสืบสวนสอบสวนพยานหลักฐานต่างๆ จนได้ข้อสรุปว่า ลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 หมายเลข 533726 น่าจะเป็นของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ อายุ 62 ปี อดีตข้าราชเกษียณตำรวจ ไม่ใช่ของ นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี เนื่องจากมีพยานหลักฐานสนับสนุนจำนวนมาก เบื้องต้นคณะพนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีต่อผู้ที่กระทำความผิดรวม 3 ราย ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี รวมอยู่ด้วยจำนวน 1 ราย โดยความผิดที่จะดำเนินคดีนั้นเป็นฐานความผิดเกี่ยวกับการแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวนทำให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา และปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ 21 ก.พ. 61 ครูปรีชา ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ห้องแยกเรียนชั้น 2 อาคารหลวงปู่ดี โรงเรียนเทพมงคลรังษี โดยมี นายไพฑูรย์ นามเมืองปักษ์ นายชลิต ไพธิ์พันธ์ อดีตตัวแทนครู และอดีตอนุกรรมการข้าราชการครู และบุคคลทางการศึกษา ที่เกษียณไปแล้วมาร่วมแถลงด้วย ซึ่งทั้งสองคนเดินทางมาให้กำลังใจ ครูปรีชา โดยอ้างว่า ครูปรีชา กำลังถูกสื่อรังแก และไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสื่อ
โดย ครูปรีชา เผยว่า ครูคนหนึ่งต้องถูกรังแก โดยใช้กระบวนการสื่อ รวมทั้งกระแสในโลกโซเชียลโจมตีอย่างหนัก ซึ่งที่ผ่านมาตนอโหสิกรรมให้มาโดยตลอด แต่จนถึงขณะนี้ตนก็ยังถูกโจมตีไม่หยุด ดังนั้นตนได้ปรึกษากับทนายความว่าจะมีแนวทางดำเนินการกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร
ส่วนในเรื่องของคลิปเสียง ตนยืนยันไปเพียง 4 คลิปเท่านั้น และแต่ละคลิปมีความยาวไม่เกิน 3 นาที ซึ่งใน 4 คลิป มีเนื้อหาของการสนทนาเป็นเรื่องของการตามลอตเตอรี่ และเป็นการพูดคุยหลังจากการเข้าแจ้งความแล้ว ซึ่งผลการสอบสวนก็ไม่พบพิรุธแต่อย่างใด ซึ่งจากการสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 7 จึงได้มีผลสรุปออกมาว่า ลอตเตอรี่เป็นของตน แต่ทั้งนี้ตนขอปฏิเสธเรื่องคลิปเสียงตามที่มีกระแสข่าวว่า ในบทสนทนามีเนื้อหาว่า ให้ไปหาล็อตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 30 ล้านบาทดังกล่าวมา แล้วนำเงินรางวัลมาแบ่งกันคน 15 ล้านบาท
แต่ 2 คลิปที่ถูกปล่อยออกมาผ่านสื่อต่างๆ เป็นคลิปที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบมาก่อน แต่หากผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมา พบว่า เป็นเสียงของตนจริง ตนก็ยอมรับ แต่คงจะต้องดำเนินการกับสื่อที่ได้นำเอาคลิปเสียงดังกล่าวไปเผยแพร่
หากเรื่องถึงที่สุดและศาลตัดสินแล้วว่า ตนเป็นเจ้าของล็อตเตอรี่ตัวจริง ผู้ที่กล่าวโจมตีตนต่างๆ นาๆ รวมทั้งสื่อมวลชน ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ หรือ ใครจะออกมารับผิดชอบ ดังนั้นตนจึงต้องออกมาปกป้องตนเอง ด้วยการดำเนินคดีฟ้องร้องสื่อและผู้ที่กล่าวหาตนจนถึงที่สุด เนื่องจากเป็นการทำลายชื่อเสียงที่ตนได้สั่งสมมาตลอดชีวิต แต่หากศาลตัดสินว่าตนไม่ใช่เจ้าของลอตเตอรี่ ตนก็พร้อมที่จะติดคุก ซึ่งคดีนี้จะต้องมี 1 คน ที่จะต้องติดคุก ซึ่งคุกเอาไว้ขังคนไม่ดี ดังนั้นหากตนต้องติดคุก ก็แสดงว่าตนเป็นคนไม่ดี
แต่ทั้งนี้หากทางกองปราบสรุปผลการสอบสวนชี้ว่า ลอตเตอรี่เป็นของ ร.ต.ท.จรูญ ตนก็จะนำพยานหลักฐานที่ตนมีไปใช้ต่อสู้ในชั้นศาลจนถึงที่สุดเช่นกัน ซึ่งการสรุปสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้หมายความว่า คนหนึ่งคนใดเป็นฝ่ายผิด เพียงแต่ให้น้ำหนักไปที่ฝ่ายใดหนึ่งเท่านั้น
“ขอยืนยันว่าตนไม่ได้หนีไปไหน ยังคงกลับไปพักที่บ้านพัก และมาสอนหนังสือตามปกติทุกวัน เพียงแต่จะหนีบางสื่อเท่านั้น และตนเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนทำ เพราะตนซื้อจริง ได้มาจริง และหายจริง ฉะนั้นของจริงก็คือของจริง” ครูปรีชา กล่าว
สำหรับคำถามของสื่อมวลชนในวันนี้ส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปในเรื่องต้องการทราบพยานทางด้านวัตถุ ที่ทางครูปรีชาอ้างว่ามี แต่ครูประชาปฏิเสธที่จะตอบคำถามโดยให้เหตุผลว่าหลักฐานทุกอย่างอยู่ในสำนวนคดีและมอบให้กับทางทนายเพื่อเอาไว้ต่อสู้ในชั้นศาลแล้ว โดยจะไม่นำมาเผยแพร่ผ่านสื่อ
ในส่วนของบรรยากาศการแถลงข่าวในครั้งนี้ ค่อนข้างที่จะตึงเครียด เนื่องจาก ครูปรีชา ได้กล่าวตำหนิการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนบางสำนัก บางสังกัด รวมทั้งได้กล่าวตำหนิการทำหน้าที่ของพิธีกรรายการข่าวชื่อดังช่องหนึ่ง รวมทั้งตำหนิการเขียนข่าวของสื่อมวลชนอีกหลายสำนักอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครูปรีชา ได้กล่าวเอาไว้ตอนหนึ่งว่า ตามปกติครูจะไม่เชิญใครเข้ามาในห้อง การที่ครูเชิญสื่อมาในครั้งนี้ครูถือว่าครูให้เกียรติสื่อ ฉะนั้นสื่อควรจะต้องให้เกียรติครูด้วย” ซึ่งการแถลงในลักษณะดังกล่าวทำให้สื่อมวลชนรู้สึกว่า ครูปรีชา เรียกสื่อมวลชนไปเชือดและสั่งสอนในเรื่องของการทำหน้าที่สื่อ พร้อมกับกล่าวย้ำว่า หากครูเป็นฝ่ายชนะคดี สื่อจะรับผิดชอบไหวไหม
