สตง.แฉมีเงินทอน 20-50% เงินสงเคราะห์คนจน-ผู้ไร้ที่พึ่งให้ 2 บิ๊ก พม.
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ รายงานข่าวจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แจ้งว่า เมื่อกลางปี 2560 น.ส.พวงชมนาถ จริยะจินดา รองผู้ว่า สตง. ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่า สตง.ได้ทำหนังสือถึงพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในขณะนั้น โดยขอให้ตรวจสอบภายในข้อเท็จจริงการเบิกจ่ายงบประมาณเงินอุดหนุนประเภทเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ปีงบประมาณ 2560
“เนื่องจาก สตง.ได้รับแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของอธิบดีกรมหนึ่ง(ในขณะนั้น) และอดีตรองอธิบดีกรมเดียวกัน ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ โดยการโอนงบประมาณรายจ่ายงบอุดหนุนประเภทเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ปีงบประมาณ 2560 ไปให้หน่วยงานในสังกัดส่วนภูมิภาค โดยเฉพาะนิคมสร้างตนเอง และศูนย์พัฒนาราษฎรบนที่สูงบางแห่ง (ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา) ซึ่งเป็นคนของตนเอง แล้วเรียกกลับคืน 20-50% และในระดับพื้นที่ให้หน่วยงานที่ได้รับเงินนำไปจ่ายให้กับประชาชนในลักษณะรวมกลุ่มอาชีพ ทำพิธีมอบผ่านกลุ่มแต่จ่ายเงินไม่ครบ และหลักฐานการรับเงินครบเต็มจำนวน”หนังสือระบุ
หนังสือระบุว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น สตง.พบว่าในปีงบประมาณ 2560 ไตรมาสที่ 1 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้ทำการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนประเภทเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย และผู้ที่ไร้ที่พึ่ง หน่วยงานในสังกัดทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคไปแล้วจำนวนรวมทั้งสิ้น 193,110,850 บาท ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ และแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ประกอบกับบุคคลผู้ถูกอ้างถึงเป็นผู้บริหารระดับสูงของ พม. ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการบริหารจัดการควบคุมและติดตามผลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และระเบียบแบบแผนของทางราชการที่กำหนดไว้ จึงเห็นควรให้รัฐมนตรีว่าการ พม. ดำเนินการตรวจสอบภายในข้อเท็จจริง โดยขอให้พิจารณาให้มีการปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ระเบียบแบบแผนที่ทางราชการกำหนดไว้ และเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเงินงบประมาณดังกล่าวได้นำไปจ่ายให้กับกลุ่มเป้าหมายอย่างครบถ้วนเต็มเม็ดเต็มหน่วย
“กรณีพบว่ามีการกระทำผิดและก่อให้เกิดผลเสียหายกับทางราชการ ขอให้ดำเนินการทางแพ่ง ทางอาญาและทางวินัยอย่างเฉียบขาดและโดยทันที เพื่อเป็นมาตรการในการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และขอให้พิจารณากำหนดระบบการควบคุมภายใน ด้านการติดตามประเมินผลให้รัดกุมเพียงพอเหมาะสมเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ควบคุมและติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล และเพื่อเป็นมาตรการป้องกันความเสียหายอันอาจจะเกิดขึ้น จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ และโปรดแจ้งผลการดำเนินการให้ สตง.ทราบภายใน 60 วัน เพื่อประกอบตรวจสอบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542″หนังสือดังกล่าวระบุ
ข่าวแจ้งว่า อย่างไรก็ตาม หลังจาก สตง.ส่งหนังสือดังกล่าวถึง พม. แต่ปรากกว่าทาง พม.ไม่เคยแจ้งให้ สตง.รับทราบเลยว่ามีการตรวจสอบแล้วหรือไม่ หากตรวจสอบแล้วผลเป็นอย่างไร
