ยื้อหน่วง เลือกตั้ง จาก “ไทยนิยม” ไม่ยั่งยืน จึงเกิด “ความกลัว”

เห็นภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปลูกต้นจัน เห็นภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พายเรือในสระน้ำบนที่ดินอันเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปที่ดินประเทศไทย

เด่นชัดว่านี่คือ การรุก

รุกเข้าไปภายใต้โครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” รุกเข้าไปภายใต้ความมั่นใจว่าแนวทาง “ประชารัฐ” ที่ทุ่มเงินลงไปหลายล้านล้านบาทกำลังประสบความสำเร็จ

ความเชื่อมั่นใน “ภาคอุตสาหกรรม” ทะยานขึ้นสูงสุด

Advertisement

ตัวเลขการส่งออกโงหัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากที่เคยติดลบแตะไปยังร้อยละ 8 ความโชติช่วงชัชวาลในทางเศรษฐกิจเริ่มโผล่ออกมาจากเส้นขอบฟ้า

ผลผลิตมวลรวมจากที่เคยลบเมื่อปี 2557 กลายเป็นร้อยละ 3.9

การปรากฏขึ้นของป้ายเชียร์จากชาวบ้าน อ.สามพราน จ.นครปฐม พร้อมกับแสดงความปรารถนาให้อยู่ต่อไปอีก 20 ปี จึงคือเนื้อหาใจกลาง

ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธศาสตร์ ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

เพราะมีความมั่นใจเช่นนี้เอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเดินทางเหยียบพื้นที่อันเคยเป็นของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย

หลังจากที่ลับๆ ล่อๆ ใน “สนามกอล์ฟ”

ก็อย่างที่ลิ่วล้อการเมืองบางคนออกมายืนยันว่า หากเมื่อใด “ประชารัฐ” ประสบความสำเร็จ หากเมื่อใดเริ่มเป่านกหวีด “ไทยนิยม ยั่งยืน”

นั่นหมายถึง “สัญญาณ” ในเรื่อง “เลือกตั้ง”

ข้อน่าสงสัยมีประการเดียวอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์ถามแล้วถามอีก นั่นก็คือ ขอความแน่นอนในเรื่องการเลือกตั้ง

ความแน่นอน ความชัดเจนต่างหากที่สำคัญ

หากยังไม่มีความชัดเจน หากยังงัดเอาแม้กระทั่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 มาเป็นเครื่องมือ ปฏิบัติการประเภท “รวมพลคนอยากเลือกตั้ง” ก็ไม่หมดสิ้นไป

จุดอ่อนของ “คสช.” ก็ยังอยู่ที่ “ความไม่ชัดเจน”

ประเด็นอันละเอียดอ่อนเป็นอย่างมากก็คือ หาก คสช.ประสบความสำเร็จ สามารถสลายความขัดแย้ง สร้างความปรองดองสมานฉันท์ เศรษฐกิจรุ่งเรือง เฟื่องฟู

เหตุใดคนจึง “อยากเลือกตั้ง”

เมื่อความขัดแย้งหมดสิ้นไป เมื่อความสุขได้แผ่ผายขยายไปทุกปริมณฑล ทุกครัวเรือนล้วนกินอิ่มนอนอุ่น ไพร่ฟ้าหน้าใส

อยู่กันอย่างนี้ ไม่จำเป็นต้องเลือกตั้งก็ได้

ไม่จำเป็นต้องออกมาขู่ว่า ต้องการรัฐบาลแบบ คสช. หรือว่าต้องการให้กลับไปเป็นแบบเก่า แบบที่มากด้วยความขัดแย้ง แบบที่ไม่สงบ สันติสุข

ความเรียกร้องต้องการ “อยากเลือกตั้ง” คือต้องการการเปลี่ยนแปลง

นั่นก็คือ เป็นการเปลี่ยนแปลงบนพื้นฐานที่ประชาชนสามารถเลือก “ผู้นำ” โดยที่ “ผู้นำ” สามารถตรวจสอบได้โดยประชาชน

นั่นก็คือ โดยผ่าน “การเลือกตั้ง”

ยิ่งยื้อ ยิ่งถ่วงและหน่วงเวลาของ “การเลือกตั้ง” ให้ยาวนานออกไปมากเพียงใด ยิ่งจะเป็นการฟ้องให้เห็นถึงความล้มเหลว มากกว่าความสำเร็จ

เพราะหาก “สำเร็จ” จะ “กลัว” อะไร

เมื่อบริหารราชการแผ่นดินมา 3 ปีกว่า มากด้วยผลงาน มากด้วยความนิยม ทันทีที่ปี่กลองแห่ง “การเลือกตั้ง” ประโคมโหมแห่ขึ้น

ประชาชนก็ย่อมจะเลือก

ความกลัวว่าประชาชน “ไม่เลือก” ต่างหากทำให้ทุกอย่างสะดุด หยุดลง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image