เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา อายุ 23 ปี นิสิตคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หรือ มมส. เปิดเผยว่า จากการออกมาเปิดเผยข้อมูลและพฤติกรรมของผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ ประจำปีงบประมาณ 2560 โดยในช่วงของการฝึกงานในตำแหน่งพัฒนาชุมชนนั้น ถูกสั่งให้ปลอมเอกสารราชการ กรอกข้อมูลสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย เอกสารผู้ติดเชื้อเอดส์ ลงลายมือชื่อในใบเสร็จรับเงินรวมกว่า 2,000 ชุด เป็นเงินกว่า 6,900,000 บาท โดยเรื่องดังกล่าวได้เข้าร้องเรียนต่อเลขาธิการ คสช. ก่อนมีคำสั่งให้ ป.ป.ท.ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
น.ส.ปณิดากล่าวว่า จากข่าวที่ทราบนั้น การตรวจสอบของ ป.ป.ท.นอกจากจะพบความไม่โปร่งใสที่ จ.ขอนแก่น ยังขยายผลตรวจสอบไปยังจังหวัดอื่นทั่วประเทศรวม 37 ศูนย์ ซึ่งพบความไม่โปร่งใสลักษณะเดียวกัน ซึ่งตอนพบความไม่ปกติจนนำมาสู่การร้องเรียนนั้น ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่มีการตรวจสอบทั้งประเทศเช่นนี้ ตอนแรกคิดเพียงว่าต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองที่ไม่มีเจตนาจะกรอกเอกสารที่เป็นข้อมูลเท็จและปลอมลายมือชื่อชาวบ้านเท่านั้น เมื่อมีการตรวจสอบทั้งประเทศ ซึ่งขยายความจากเรื่องที่ร้องเรียนไป ก็ภูมิใจที่เป็นประชาชนคนธรรมดาที่สามารถทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ และได้ทำเพื่อพี่น้องคนจน ที่เขาควรจะได้รับเงินสงเคราะห์จริงๆ รายละ 2,000 บาท
น.ส.ปณิดากล่าวต่อว่า หลังจากมีข่าวออกไปมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสอบถามข้อมูล ซึ่งตนและครอบครัวให้ความร่วมมือทุกฝ่าย แต่ในทางกลับกันยังมีคนอีกกลุ่มคุกคามทั้งกับญาติพี่น้อง และขับรถติดตาม ขับรถจอดหน้าบ้าน จึงอยากให้การสืบสวนสอบสวนในเรื่องที่ร้องเรียนไปจบโดยเร็ว ส่วนในเรื่องที่เกิดขึ้นขณะเข้าฝึกงานที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่นนั้น ในกลุ่มเพื่อนที่ มมส.ก็มีสอบถามกันบ้าง แต่เพื่อนๆ ไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้ เพราะเพื่อนส่วนใหญ่เข้าฝึกงานกับหน่วยงานเอกชน แต่เมื่อเพื่อนๆ รวมถึงรุ่นพี่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นก็ให้กำลังใจไม่ขาดสาย
“อาจารย์ใน มมส.เรียกเข้าสอบปากคำในเรื่องที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมาก็ถูกอาจารย์เรียกเข้าพบเพื่อสอบถาม ก็ตอบคำถามไปตามความจริง ซึ่งอาจารย์บางคนบอกว่า เราเป็นคนสร้างความเสื่อมเสียให้ มมส. แต่ก็ไม่เป็นอะไร เพราะเป็นเพียงความเห็นของอาจารย์บางคนเท่านั้น” น.ส.ปณิดากล่าว
น.ส.ปณิดากล่าวเพิ่มว่า ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการร้องเรียน ไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร เพียงแค่ต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง เพราะที่เรียนมาทั้งหมดก็เพื่อจะเป็นนักพัฒนาชุมชนที่ดี สามารถนำความรู้และประสบการณ์ในการฝึกงานไปสร้างประโยชน์ให้ชาวบ้านและบ้านเมืองต่อไปในอนาคต แต่เมื่อเรื่องราวต่างๆ ขยายออกไป นำมาสู่การตรวจพิสูจน์ของทางราชการ ก็ถือเป็นการดีที่เรามีส่วนได้สร้างคุณประโยชน์ให้บ้านเมือง และขอขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ที่มอบเกียรติบัตร มอบโล่ให้ ถือเป็นรางวัลอันสูงสุดของครอบครัว
