เหมือนกับคำว่า ปัญหา และความวุ่นวายที่ “คสช.”และ “รัฐบาล”ชมชอบยกขึ้นมา
จะเนื่องแต่ปัจจัยจาก “ภายนอก”
อย่างที่มีการแจ้งความกล่าวโทษการเคลื่อนไหวบริเวณสกายวอล์ค แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 27 มกราคม หรือการเคลื่อนไหวที่หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์
แต่หากตรวจสอบอย่างเข้มงวดและจริงจัง
ต้องถามว่าปัญหาและความวุ่นวายอันเนื่องแต่”นาฬิกา”หรูกว่า 20 เรือนมีจุดเริ่มต้นจากไหน
ถามว่าการลงมติคว่ำ 7 ว่าที่กกต.ปะทุขึ้นในที่ประชุมใด
คำตอบแจ่มชัดว่า มาจากภายใน”แม่น้ำ 5 สาย”อันเป็นองคาพยพแห่ง “คสช.”และรัฐบาลมิใช่หรือ
ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ย้อนกลับไปไม่ต้องไกลหรอก
ถามว่าเหตุการณ์ที่กระทรวงแรงงานเกิดขึ้นได้อย่างไร
คำตอบก็คือ มีการใช้มาตรา 44 โยกย้ายอธิบดีกรมหนึ่งโดยมิได้มีการหารือกันก่อน
ทำให้รัฐมนตรียื่นใบลาออกเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน
ถามว่าความอื้อฉาวอันเนื่องจาก”นาฬิกา”หรูกว่า 20 เรื่อนมีจุดเริ่มต้นขึ้นอย่างไร
คำตอบคือ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม หน้าตึกไทยคู่ฟ้า
อย่างน้อยก็มี 1 รองนายกรัฐมนตรี 1 รัฐมนตรี พร้อมกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
เมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยกแขนขึ้นบังแดด
ยิ่งกรณีที่ประชุมสนช.ลงมติไม่ยอมรับว่าที่ 7 กกต.อันผ่าน การสรรหาจากคณะกรรมการที่มีประธานศาลฎีกาเป็นประธาน
ยิ่งแจ่มชัด
ต้องยอมรับว่าสถานการณ์สะสมอันนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า”วิกฤต
ศรัทธา” นั้นมีจุดตั้งต้นมาจากปัจจัย”ภายใน”
ทำไมชาวบ้านจึงเกิดความไม่เชื่อ
ไม่เชื่อคำพูดที่ว่า “นาฬิกายืมเพื่อน” ไม่เชื่อคำพูดที่ว่า”เราจะทำตามโรดแมป” คำพูดที่ว่า “จะไม่มีการสืบทอดอำนาจ” แม้ว่าจะมาจากนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี
เราจะทำตาม “สัญญา” ขอ “เวลา” อีกไม่นาน