ที่มา | อาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | วินิทรา นวลละออง |
เผยแพร่ |
หลังวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมามีวัยรุ่นหลายคนมาปรึกษาเรื่องอกหักค่ะ นักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งบอกว่าเพิ่งถูกแฟนที่คบมาได้ปีกว่าบอกเลิก จากความรักครั้งก่อนหน้านี้ที่จบลงแบบไม่สวยเท่าไรทำให้เขาเรียนรู้ว่านิสัยเดิมที่มักจะชอบเข้าไปช่วยเหลือดูแลแฟนเก่าทุกอย่างจนเหมือนไปจู้จี้ทำให้ต้องถูกบอกเลิกไปแล้ว 2 ครั้ง กับแฟนคนล่าสุดจึงยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ จากเดิมที่เคยโทรไปหาหรือซักถามชีวิตประจำวันแฟนทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นปล่อยตัวตามสบายไม่ได้ดูแลแฟนทุกอย่างเหมือนแต่ก่อน ตกเย็นก็กินข้าวแล้วนัดติวหนังสือกัน ช่วงแรกความรักจึงผลิบานพอๆ กับคะแนนสอบที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่ช่วงหลังความที่ถือคติไม่ยุ่งไม่วุ่นวายกับแฟนจึงทำให้แฟนรู้สึกเหมือนเขาไม่ใส่ใจและเหินห่าง สุดท้ายก็ถูกแฟนขอเลิกอีกจนได้
“ผมทำตัวไม่ถูกแล้วครับ เมื่อก่อนผมพยายามเปลี่ยนตัวเองจากคนไม่ใส่ใจใครเป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่แฟนทุกอย่าง เขาก็บอกเลิกผม พอคนนี้ผมก็พยายามไม่ยุ่งกับชีวิตเขาเลย เขาก็บอกเลิกผมอีก ผมคิดว่าคงมีความรักที่ดีไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้ผมคิดมากจนเรียนไม่รู้เรื่องเลย ร้องไห้ทุกวัน”
คุยไปหนุ่มน้อยก็สะอื้นไปค่ะ น่าจะเป็นคนที่ไม่มีดวงเรื่องความรักเอาเสียเลยเพราะไม่ว่าจะปรับตัวอย่างไรก็ยังไปไม่รอด
“ปัญหาของคุณตอนนี้คือยังคิดถึงแฟนที่เพิ่งบอกเลิกเหรอคะ”
“ใช่ครับ ผมคิดว่าตัดใจได้แล้วแต่มันก็หยุดคิดไม่ได้ ตอนเรียนก็มีเรื่องเขาแวบเข้ามา ตอนอ่านหนังสือที่ห้องก็คิดถึงแล้วก็ร้องไห้”
“แล้ว 2 ครั้งที่ผ่านมาคุณหายเศร้าหลังเลิกกันได้ยังไงคะ”
“อ๋อ ผมมีแฟนใหม่น่ะครับ”
ก็เป็นทางแก้อาการอกหักช้ำรักที่ดีค่ะ บทความของคุณ Ana Sandoiu เรื่อง ทำอย่างไรจึงจะรับมือกับปัญหาอกหักได้ (อย่างเหมาะสม) ทางเว็บไซต์ medicalnewstoday.com แนะนำวิธีดามอกได้อย่างน่าสนใจค่ะ แรกสุดให้เราร้องขอความช่วยเหลือจากทุกแหล่งเท่าที่จะหาได้ อาจเป็นเพื่อน ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือใครก็ตามที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นใจเมื่ออยู่ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ มีหลายงานวิจัยพบว่าการได้รับการช่วยเหลือดูแลจากคนรอบข้างเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตจะทำให้สุขภาพกายและจิตดีขึ้น สิ่งที่คนรอบข้างช่วยได้มีตั้งแต่ช่วยปลอบใจ ช่วยให้คำแนะนำ ช่วยเป็นสิ่งของ (เช่น เงิน) หรือแค่ช่วยอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนก็ได้ แม้คนข้างๆ จะไม่ได้เป็นนักปลอบใจที่ดีนักแต่ก็ดีกว่าอยู่คนเดียวค่ะ เช่น พ่อแม่ของเราอาจไม่ใช่คนที่จะพูดดีๆ ปลอบใจเวลามีความทุกข์และดีไม่ดีอาจจะสอนสั่งว่าเราทำผิดด้วยซ้ำแต่อย่างน้อยพ่อแม่ก็สามารถช่วยเป็นสิ่งของได้ เช่น ทำกับข้าวให้กินหรือพาไปเที่ยวพักผ่อนให้สบายใจ ดังนั้น พยายามเปิดรับความช่วยเหลือทุกรูปแบบจากคนรอบข้างให้ได้มากที่สุด
วิธีที่สองคือหาคนที่ “empathy” หรือเข้าอกเข้าใจเสมือนเขามานั่งอยู่ในหัวใจเรา และหลีกเลี่ยงคนที่ ”sympathy” หรือแสดงความเวทนาสงสาร เรื่อง empathy อธิบายได้น่ารักมากผ่านทางแอนิเมชั่น สั้นๆ เรื่องหนึ่ง หาชมได้ทางยูทูบค่ะ “Brene ? Brown on Empathy” คุณบรีเน่เป็นศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยฮุสตันที่ศึกษาเรื่อง empathy และเขียนหนังสือขายดีออกมาหลายเล่ม แอนิเมชั่นเรื่องนี้กล่าวว่า empathy คือการมีความรู้สึกร่วมไปกับอีกฝ่าย สามารถมองจากมุมมองของอีกฝ่ายได้ ไม่ด่วนตัดสิน รับรู้อารมณ์ของอีกฝ่ายและสามารถสื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจได้ ในเรื่องยกตัวอย่างจิ้งจอกสาวตัวหนึ่งกำลังเศร้า เธอรู้สึกเหมือนตกลงไปในหลุมดำที่มืดมิด เวลานั้นหมีซึ่ง empathy เธอเลือกจะเดินตามเธอลงมาในหลุมและบอกว่าเธอไม่ได้โดดเดี่ยวนะ จะเห็นว่าการ empathy ใครสักคนหมายถึงเราต้องเจ็บปวดไปกับเขาด้วยจึงทำให้หลายคนอึดอัดที่จะทำ คนส่วนใหญ่เลือกปลอบด้วยวิธีง่ายกว่าคือ ”sympathy”
คุณบรีเน่ตั้งข้อสังเกตได้น่าสนใจว่าเมื่อเรา ”sympathy” หรือเวทนาสงสารแทนที่จะ empathy เรามักจะเริ่มต้นประโยคด้วยคำว่า “ก็ยังดีที่…” หรือ ”อย่างน้อยเธอก็…” โดยไม่รู้ตัว ในเรื่องมีกวางตัวหนึ่งโผล่หน้ามองลงมาจากปากหลุม กวางได้ยินจิ้งจอกสาวบอกว่าเธอเศร้าเพราะเธอแท้งบุตร กวางจึงบอกว่า “ก็ยังดีที่เธอได้ท้อง” จิ้งจอกสาวบอกว่าชีวิตแต่งงานฉันต้องพังแน่ๆ กวางจึงบอกว่า อย่างน้อยเธอก็เคยได้แต่งงาน จะสังเกตว่าเมื่อเราพูดเพื่อแสดงความสงสารและพยายามจะหาคำพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้น สถานการณ์กลับยิ่งแย่ลง ทางที่ดีลองทำแบบหมีซึ่ง empathy ด้วยการพยายามเชื่อมโยงความรู้สึกกับอีกฝ่าย เขาไปกอดและกระซิบเบาๆ ว่า ”ฉันไม่เคยต้องเจอเรื่องอย่างเธอแต่ฉันดีใจที่เธอบอกเรื่องนี้กับฉันนะ” เมื่อเชื่อมโยงความรู้สึกได้ อีกฝ่ายก็จะดีขึ้นเองค่ะ
มีอีกหลายวิธีที่ลดอาการช้ำรักได้ เช่น เล่นกับสัตว์เลี้ยง เขียนบันทึกอารมณ์ความรู้สึก รักตัวเองบ้าง มองการอกหักเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตมากกว่าเป็นการถูกปฏิเสธ และให้เชื่อเสมอว่าเวลามืดมนนี้ไม่ได้อยู่กับเราตลอดชีวิต มันจะผ่านไปได้สักวัน ชีวิตที่สดใสรอเราอยู่ข้างหน้า
บทความนี้ไม่ได้แนะนำเรื่องการมีแฟนใหม่แต่ถ้ายังหาคนดีๆ คนใหม่ไม่ได้ก็ลองใช้วิธีดังที่กล่าวมาก่อนนะคะ