เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิรุทธ์ ชมงาม ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจับงูในจังหวัดราชบุรี ได้รับการร้องขอจากชาวบ้านให้ไปช่วยย้ายรังงูเห่านับ 10 ตัว ที่อาศัยรูอยู่ในจอมปลวก ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านเรือนประชาชนในอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่วิตกกังวลต่อคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก แต่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่มีประสบการณ์ในการจับงูและสัตว์มีพิษ และที่สำคัญงูเห่าชนิดนี้คืองูเห่าพ่นพิษสยามสีน้ำตาล เป็นงูเห่าที่สามารถพ่นพิษได้ไกลถึง 2 เมตร และมักจะเล็งไปที่ดวงตาของศัตรู หากถูกพ่นใส่ตา จะมีอาการปวดอย่างรุนแรง และหากไปขยี้ตาหรือรักษาไม่ถูกวิธี อาจจะทำให้ตาบอดได้ ทำให้ไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับรังของงูดังกล่าว
นายนิรุทธ์ ชมงาม กล่าวว่า หลังจากคณะจากจังหวัดราชบุรีเดินทางไป และได้ประสานไปกับหน่วยกู้ชีพตรีเพชรในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ไปสนับสนุนในการจับงูครั้งนี้ เมื่อไปถึงพบว่างูเห่าที่อาศัยอยู่ในจอมปลวกได้เลื้อยเข้าออกรูบริเวรจอมปลวกตลอดเวลา สร้างความแตกตื่นให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก และการจับเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะงูจะหนีเข้ารูทันทีที่คนเข้าใกล้ ประชาชนในพื้นที่จึงร่วมแรงร่วมใจกันในการเคลียร์พื้นที่ และได้ใช้รถแทร็กเตอร์ค่อยๆ ดันดินออกมาเพื่อให้เห็นตัวเพื่อจับงูได้สะดวกขึ้น
ทันทีที่กองดินทลายออก งูเห่าพ่นพิษก็ได้เลื้อยออกมา สร้างความโกลาหลให้กับทีมงานเป็นอย่างมาก เพราะต้องระมัดระวังงูพ่นพิษใส่ชาวบ้านที่ไม่มีอุปกรณ์ในการป้องกันพิษ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็สามารถจับงูเห่าพ่นพิษได้ทั้งหมด 3 ตัว ซึ่งนายนิรุทธ์ได้ให้ข้อมูลอีกว่า ปรากฏการณ์ครั้งนี้คือการที่งูหาที่หลบหนาว เนื่องจากในอำเภอกัลยาณิวัฒนาอยู่ในช่วงเดือนที่เวลากลางวันอากาศจะร้อน แต่กลางคืนอากาศจะหนาวเย็นมาก สำหรับจอมปลวกซึ่งอุณหภูมิจะถูกรักษาให้คงที่ ประมาณ 31-32 องศาเซลเซียส ทำให้งูหลบหนีหนาวเข้ามาอาศัยอยู่ในรูหลายตัว และเจ้าของบ้านบอกว่ามีงูจำนวนมากกว่านี้ เพียงแต่มีรูที่มีโพรงเชื่อมต่อกันมากมาย ทำให้งูตัวอื่นอาจหลบหนีไปตอนเคลียร์พื้นที่ แต่ก็ได้ฝังกลบและปิดรูอื่นๆ จนหมด เพื่อป้องกันงูกลับเข้ามาอยู่อาศัยอีกครั้ง หลังจากเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดแล้ว ก็ได้นำงูออกมาให้ความรู้แก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ ให้เห็นพฤติกรรมในการพ่นพิษ และรู้จักวิธีจับ วิธีแก้ไขสถานการณ์งูเข้าบ้าน เพื่อให้ชาวบ้านเกิดความเข้าใจ และสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองอย่างปลอดภัย ก่อนที่จะนำงูทั้งหมดไปปล่อยยังพื้นที่ธรรมชาติห่างไกลจากผู้คนต่อไป
