‘เชียงใหม่’ สั่ง25อำเภอคุมให้อยู่!! ’51 วันไม่เผา ไร้หมอกควัน’ เตือนรับพายุ 8-9 มี.ค.

วันที่ 5 มีนาคม 2561 ณ ห้องศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ ชั้น 1 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ 2561 โดยประชุมผ่านวิดีโอทางไกล (Video Conference) ไปยัง 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมติดตามผลการดำเนินงาน ปัญหา และอุปสรรคในการแก้ปัญหาหมอกควันและไฟป่าของแต่ละพื้นที่ช่วงเริ่มมาตรการ “51 วันไม่เผา เพื่อเชียงใหม่ไร้หมอกควัน” ซึ่งที่ประชุมรายงานว่าสถานการณ์หมอกควันในจังหวัดเชียงใหม่ ค่า PM 10 หรือฝุ่นละอองขนาดเล็กยังไม่เกินค่ามาตรฐาน ตั้งแต่วันที่ 1-4 มีนาคมที่ผ่านมายังอยู่ในภาวะปกติ แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ คณะทำงานศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ ได้ทำหนังสือสั่งการไปยังอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มมาตรการตรวจสอบการก่อสร้างให้มีการปิดคลุมให้มิดชิด และสอดส่องดูแลพื้นที่เสี่ยงที่ทำให้เกิดฝุ่นละอองในอากาศ รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจควันดำที่มีค่าเกินมาตรฐานห้ามวิ่งในเขตอำเภอเมือง เพื่อช่วยให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กตามจุดต่างๆ ลดลง

นายพุฒิพงศ์กล่าวว่า ช่วงเดือนมีนาคมของทุกปีเป็นช่วงที่หนักที่สุด โดยย้ำให้แต่ละอำเภอนำสถิติมาประกอบการวางแผนปฏิบัติงาน จุดใดเป็นจุดเสี่ยงเกิดไฟ หรือจุดควรเฝ้าระวังต้องให้ความสำคัญ พร้อมทั้งให้ใช้สรรพกำลังให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เช่น นำกำลัง อปพร.สนับสนุนการลาดตระเวน เป็นต้น รวมทั้งประสานกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านในชุมชนสอดส่องเฝ้าระวังคนพื้นที่หาของป่าเป็นพิเศษ
“อย่าคิดว่าการเกิดไฟเป็นเรื่องของธรรมชาติ แล้วก็ปล่อยให้เกิดเหตุเป็นวงกว้างขึ้น หากพบเห็นให้รีบนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุแล้วทำการดับไฟอย่างรวดเร็วที่สุด” นายพุฒิพงศ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือได้ประกาศเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังในช่วงวันที่ 8-9 มีนาคม 2561 มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน จะก่อให้เกิดพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง อาจมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้ แต่อาจเป็นผลดีต่อการลดมลพิษและคลายความร้อนได้บางส่วน สภาพอากาศโดยรวมในภาคเหนือจะมีลักษณะอากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว อุณหภูมิจะสูงขึ้นระหว่าง 35-40 องศาเซลเซียส ซึ่งประชาชนควรติดตามพยากรณ์อากาศอย่างต่อเนื่อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image