“บิ๊กเสือ” นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า หลังเดินทางมาเปิดบูธประชาสัมพันธ์โครงการ “สปอร์ตทัวริซึม” กีฬาเชิงท่องเที่ยวของไทย ในงานท่องเที่ยวนานาชาติ ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี วันที่ 7-11 มีนาคม โดย กกท.นำเสนอกิจกรรม เช่น การจัดประชุมสปอร์ตแอคคอร์ด ที่โรงแรมเซนทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ วันที่ 15-20 เมษายน
การแข่งขันรถจักรยานยนตร์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี 2018” สนามที่ 15 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ วันที่ 5-7 ตุลาคม รวมถึงการแข่งขันมวยไทยลีก, สุดสวยมวยไทยโลก, จักรยานทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ และความพร้อมของศูนย์ฝึกกีฬาทั่วประเทศไทยให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับทราบ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้ว ที่ กกท.มานำเสนอโครงการ ซึ่งยังคงได้รับความสนใจเป็นอย่างดี
“การมาเปิดบูธในงานท่องเที่ยวระดับโลกครั้งนี้ ผมเชื่อว่าประเทศไทยได้รับประโยชน์มากมาย สำหรับศึกโมโตจีพีอย่างที่รับรู้กันรัฐบาลลงทุนให้ปีละ 100 ล้านบาท ที่เหลืออีก 200 ล้านบาทเป็นภาคเอกชนที่จะช่วยกัน ซึ่งตรงนี้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างดีแล้ว ถือว่าคุ้มค่าแน่นอน ผมเชื่อว่า ในปีแรกนี้เราจะมีรายได้เข้าประเทศจากหลายๆ ส่วนรวมกันมากกว่า 1,000 ล้านบาทเลยทีเดียว โดยจะกระจายไปสู่ประชาชนเป็นส่วนใหญ่ ทั้งรายได้จากการท่องเที่ยว ร้านอาหารต่างๆ ที่ผู้มาเยือนต้องใช้จ่าย” ผู้ว่าการ กกท.กล่าว
นายสกลกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา เวทีมวยไทย และค่ายมวยหลายแห่ง เข้ามาร่วมโปรโมทโครงการสปอร์ตทัวริซึม กับ กกท. ซึ่งถือว่าได้ผล มีต่างชาติสมัครไปเรียนมวยไทยเพิ่มขึ้น มีแฟนมวยเข้าชมในเวทีมากขึ้น ในเรื่องนี้จึงอยากเสนอเอาไว้ โดยเฉพาะเวทีมวยไหนที่ยอดคนดูตก ควรต้องเร่งปรับตัว ออกมาเปิดตลาดต่างประเทศ เพื่อดึงต่างชาติเข้าสนามเพิ่ม หรืออาจมาร่วมโปรโมทกับโครงการสปอร์ตทัวริซึ่มก็สามารถทำได้
