ผอ.สถาบันมะเร็งเตือนผู้ป่วยมะเร็งรักษาแพทย์ทางเลือก หลังโซเชียลฯ แชร์ผลกระทบเกิดในมะเร็งเต้านม

จากกรณีที่มีการแชร์ในโลกโซเชียลว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมมีการหันไปใช้ยาของหมอ “ส” เป็นระยะเวลา 6 เดือน จนทำให้เกิดมะเร็งลุกลามไปมากนั้น

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่หันไปรักษาโรคกับแพทย์ทางเลือกจะมีด้วยกัน 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 กลุ่มผู้ป่วยมะเร็งที่เป็นระยะเริ่มต้นมีโอกาสหายขาด แต่หนีการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน โดยหันไปรักษากับแพทย์ทางเลือก ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยพบแต่ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่ามีจำนวนเท่าใด เพราะผู้ป่วยมักไม่กลับไปรักษากับหมอคนเดิม เนื่องจากเกรงว่าจะถูกแพทย์ตำหนิ จึงย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลใหม่ไม่เปิดเผยว่าเคยไปรับการรักษาทางเลือกนั้นมาแล้ว รวมถึงไม่ยอมบอกรายละเอียดกับแพทย์ว่าเคยไปรักษากับแพทย์ทางเลือก หรือเคยทิ้งการรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบันมาก่อน ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่น่าเป็นห่วงที่สุด ซึ่งเป็นลักษณะเช่นเดียวกับที่เป็นข่าวขณะนี้ เพราะทำให้ผู้ป่วยรายนี้เสียโอกาสในการหายขาดจากโรค

นพ.วีรวุฒิ กล่าวต่อว่า กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยที่รักษาแบบแผนปัจจุบันควบคู่ไปกับการแพทย์ทางเลือกในเวลาเดียวกัน ซึ่งก็ถือเป็นสิทธิของผู้ป่วย ที่ไม่สามารถห้ามได้ ถึงแม้บางครั้งอาจจะมีผลกระทบต่อยาที่ทำการรักษาได้บ้างซึ่งต้องขึ้นกับแพทย์ทางเลือกว่าให้รับประทานอะไร และบางครั้งผู้ป่วยก็ไม่แจ้งแพทย์แผนปัจจุบันด้วยว่าไปรักษาแพทย์ทางเลือก และ กลุ่มที่ 3 ผู้ป่วยที่รับการรักษาโดยแผนปัจจุบันเสร็จแล้วอยู่ในช่วยติดตามการรักษาและไปรับการรักษาแบบทางเลือกด้วย ซึ่งกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 นี้ หากได้ผลการรักษาที่ดีขึ้น ก็ไม่ได้เกิดจากผลการรักษาจากแพทย์ทางเลือกเพียงอย่างเดียว ผลที่ดีขึ้นนั้น อาจมาจากการแพทย์แผนปัจจุบันมากกว่า และกลุ่มที่ 4 กลุ่มผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ที่รักษาได้เพียงแบบประคับประคองหรือรักษาตามอาการ ไม่มีโอกาสหายขาดแล้วจากการแพทย์แผนปัจจุบัน ที่กลุ่มนี้หากไปใช้การแพทย์ทางเลือกก็เป็นสิทธิของผู้ป่วย

“ทั้งนี้โดยสรุปการรับชมข่าวเกี่ยวกับการใช้แพทย์ทางเลือกในการรักษามะเร็งต้องพิจารณาให้ชัดเจนว่าเป็นผู้ป่วยกลุ่มใดและขอฝากสื่อให้นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกและนำเสนอผลทั้ง 2 ด้านทั้งผลดีและผลเสียเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยที่มีโอกาสหายขาดไปหลงเชื่อจนเสียโอกาสสำคัญในการรักษาอย่างผู้ป่วยที่เป็นข่าว ส่วนกรณีการตรวจสอบประสิทธิภาพของแคปซูลที่แจกให้แก่ผู้ป่วยนั้น ต้องรอผลคาดจะทราบได้ไม่เกินเมษายนนี้” นพ.วีรวุฒิ กล่าว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นพ.อดุลย์ รัตนวิจิตราศิลป์ ศัลยแพทย์ด้านศีรษะ คอ เต้านม รพ.ศิริราช ได้มีการโพสต์ในเพจของเฟซบุ๊ก ชื่อว่า “บันทึกเรื่องน่ารู้ by Dr.Adune” โดยมีใจความว่า บ้านเรามีคนแห่กันไปใช้สมุนไพรรักษามะเร็งกันมากมาย เร็วๆ นี้ ก็เป็นหมอ ส. ที่ลือกันว่าดีนักดีหนา ต้องเข้าคิว ต้องมีการขอหนังสือรับรองจากแพทย์ ดูเป็นเรื่องเป็นราวน่าเชื่อถือ ได้ผลจริงหรือเปล่าไม่อาจทราบได้… คำกล่าวอ้างที่ให้เราเห็นว่า คนไข้หาย อาจจะเกิดเพราะคนไข้หายจากอย่างอื่น หายจากการรักษาแผนปัจจุบันร่วมด้วย คนไข้ได้ยาสมุนไพรแล้วมีกำลังใจ ก็รู้สึกดีขึ้น … แต่ในฝั่งการแพทย์แผนปัจจุบัน ถ้าจะบอกว่าการรักษาได้ผลต้องมีการศึกษาอย่างละเอียด ต้องพิสูจน์ แต่ไม่ใช่แค่บอกต่อกัน แล้วก็เชื่อเลยแบบที่เราเป็นอยู่

ภาพที่นำมาให้ดูเป็นภาพที่อาจารย์หมอท่านหนึ่ง โพสต์ให้เห็นว่า ในช่วงเดือนนี้ มีคนไข้ลักษณะนี้มาหาหมอมากขึ้น เป็นมะเร็งที่ปล่อยไว้จนเป็นมาก ยากแก่การรักษา คนไข้กลุ่มนี้ คือกลุ่มคนที่เสียโอกาส รู้ตัวว่าเป็นมะเร็งในระยะรักษาได้ แต่เลือกที่จะไปใช้สมุนไพร และละทิ้งการรักษาหลักตามแผนปัจจุบันที่ได้รับการพิสูจน์ว่าได้ผล ทำให้เสียเวลาและเมื่อรักษาสมุนไพรไปสักระยะหนึ่ง (ประมาณ 3-6เดือน) พบว่าไม่ได้ผล โรคเป็นมากขึ้น ทนไม่ไหว จึงกลับมาพบแพทย์แผนปัจจุบัน

ในเฟซบุ๊ก ระบุด้วยว่า เรื่องเหล่านี้ ดูๆ แล้ว หลายคนก็อาจจะรู้สึกว่า อ้าว แล้ว ทำไมคนทั่วไปไม่เห็นได้รับรู้เลยละ หมอแผนปัจจุบันมีอคติหรือเปล่า ถึงพูดอย่างนี้ ครับ คนที่เป็นแบบนี้ มักจะไม่ค่อยกล้าเล่าให้คนอื่นฟัง เหมือนถูกหลอก แต่ก็ปลอบใจตัวเอง ว่า ก็เราเลือกเอง หมอ ส. เขาก็หวังดี คนแนะนำให้ไปหา เขาก็หวังดี ทำนองนี้ เป็นความจริง เป็นวิธีคิดแบบไม่โทษคนอื่น ไม่มีใครไปต่อว่า คนที่แนะนำให้ไปกินสมุนไพร และ คนที่แนะนำคนไข้ไปใช้สมุนไพร ก็อาจเชื่อโดยสนิทใจ ก็ฟังเขาบอกมา เมื่อผู้ป่วยต้องเผชิญกับสภาพเช่นนี้ ก็มักจะไม่ไปป่าวประกาศว่า สมุนไพรไม่ได้ผล คิดว่าคนอื่นอาจจะได้ผล คงเป็นที่ตัวเรามั๊ง ที่มีกรรม เลยไม่ได้ผล

ไม่อยากให้คนไทยเราคิดแบบนี้นะครับ เพราะเป็นการทำให้คนอื่นไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เราควรบอกต่อ บอกให้รู้ว่า มีคนไข้จำนวนหนึ่ง (ซึ่งมากพอควร)เสียโอกาสในการรักษา เพราะหลงเข้าใจว่า สมุนไพรจะได้ผล… มาช่วยกันดีกว่าไหมครับ บอกความจริงให้ คนไทยด้วยกันรับรู้ จะได้ไม่เสียโอกาสที่จะรักษาโรคให้หายได้ ไม่มัวแต่เสียเวลา ปล่อยให้โรคที่หายได้ ทิ้งไว้จนรักษายาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image