แม้ “คสช.”จะสามารถดำรงอยู่ได้จนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ตามมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญ
แต่พลันที่”โหมด”แห่ง”การเลือกตั้ง”เดินทางมาถึง
ไม่ว่าการดำรงอยู่ของ “รัฐบาล” ไม่ว่าการดำรงอยู่ของ”คสช.”
จะเหมือนกับการไต่ไปบนเส้นลวด
ยิ่งหากมีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดก็ตาม ก็จะยิ่งเกิดความอ่อนไหวอย่างยิ่งยวดในทางการเมือง
เพราะสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ 1 หัวหน้าคสช. และ 1 คือ หัวหน้ารัฐบาล
นี่ย่อมแตกต่างไปจาก “อดีต”
ในอดีตที่บ้านเมืองเป็นปกติพลันที่มีการตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาและกำหนดการเลือกตั้ง
1 รัฐบาลก็อยู่ในสถานะ”รักษาการ”
ขณะเดียวกัน 1 อำนาจในการตัดสินใจอันอาจจะกระทบกระเทือนหรือสร้างความได้เปรียบ เสียเปรียบในทางการเมืองอยู่ในการตัดสินใจ “ร่วม”ของกกต.
การโยกย้าย แต่งตั้ง การจ่ายงบประมาณต้องผ่านการอนุมัติจากกกต.จึงจะทำได้
ไม่ต้องย้อนไปไกลนักหรอกเอาแค่ตอน”ชัตดาวน์”ก็น่าจะพอ
แต่สำหรับสถานการณ์การเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 สังคมเริ่มไม่แน่ใจใน “บทบาท”และ”ความหมาย”ของกกต.ว่าจะมีอยู่มากน้อยเพียงใด
เพราะเป็นการเลือกตั้งโดยมีอำนาจของ”คสช.” อำนาจของ”รัฐบาล” ยืนค้ำอยู่กลายเป็นการเลือกตั้งภายใต้อำนาจของ”คสช.”
กลายเป็นการเลือกตั้งภายใต้อำนาจของ”มาตรา 44″ในมือของหัวหน้าคสช.ซึ่งเป็น”นายกรัฐมนตรี”
ข้อเสนออันมาจากการระดมความคิดผ่านการชุมนุมของกลุ่มอยากเลือกตั้งอาจไม่ได้มีการขานรับ
ไม่ว่าจะจาก”คสช.” ไม่ว่าจะจาก”รัฐบาล”
แต่ทุกวินาทีที่”โหมด”แห่งกระบวนการ”เลือกตั้ง”คืบคลานเข้ามา ข้อเสนอว่าด้วยการยุบ”คสช.” และการแปรเปลี่ยนจากรัฐบาลปกติให้เป็นรัฐบาล”รักษาการ”จะยิ่งแสดงบทบาทและความหมาย
เพราะนี่คือ Start Up นี่คือ การจุด”เชื้อ”ในทางความคิด