คอลัมน์ People In Focus: สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีตลอดกาล

“สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีนได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำผู้ยิ่งใหญ่เปรียบได้กับ “จักรพรรดิ” เคียงข้างอดีตผู้นำจีนอย่าง “เหมา เจ๋อตุง” และ “เติ้ง เสี่ยวผิง” ในการประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ล่าสุดสภาประชาชนจีนมีมติผ่านร่างแก้ไขกฎหมาย “ยกเลิก” การจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีจีน เปิดทางให้ผู้ที่รู้จักกันในนาม “สี ต้าต้า” หรือ “ท่านลุงสี” สามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีระยะเวลายาวนานเท่าใดก็ได้ที่ต้องการ

แม้พ่อของสี อย่าง “สี เจิ้งซุน” ผู้เป็นที่รู้จักในนามวีรบุรุษแห่งการปฏิวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรีจีน จะถูกกำจัดโดยประธานเหมา หลังพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นสู่อำนาจ ทว่า “สี” ก็สามารถไต่ระดับทางการเมืองจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ระดับมณฑล ไปสู่ผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยน ในปี 2542 ผู้ว่าการมณฑลเจ้อเจียง ในปี 2545 และผู้ว่าการมณฑลเซี่ยงไฮ้ ในปี 2550

ก่อนที่ในปีเดียวกันจะได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นสมาชิกคณะกรรมการกรมการเมือง คณะบุคคลที่มีอำนาจในการกำหนดทิศทางนโยบายมากที่สุดในประเทศจีน

Advertisement

จนกระทั่ง สี ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี 2556 ใช้การปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจ ในลักษณะที่ขัดแย้งกับธรรมเนียมการปกครองแบบเดิม

ผู้นำจีนหลังยุคเหมาต้องการลดอำนาจของประธานาธิบดีจีนลง ป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายที่เป็นหายนะทางเศรษฐกิจและการเมืองผลจากอำนาจที่รวมศูนย์อยู่ที่คนเพียงคนเดียว ขณะที่อำนาจการตัดสินใจด้านนโยบายถูกโยกมาอยู่ที่คณะกรรมการกรมการเมือง วิธีซึ่งถูกวิจารณ์เช่นกันว่า ทำให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างล่าช้า ส่งผลให้ปัญหาเร่งด่วนอย่างมลพิษ การทุจริต และความวุ่นวายทางสังคมไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที

สี ใช้วิธีการตรงกันข้าม ปราบปรามการทุจริตอย่างเด็ดขาด พร้อมเรียกร้องให้ปลุกพลังของพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้กลับฟื้นคืนก่อนกลายเป็นประธานาธิบดีที่ทรุงอำนาจมากที่สุดในรอบหลายสิบปี

Advertisement

เวลานี้ ภาพของ “สี ต้าต้า” ปรากฏอยู่ในทุกหน้าสื่อของจีน ร้านค้าเริ่มขายของที่ระลึกที่มีรูป สี จิ้นผิง เคียงคู่กับอดีตผู้นำเหมา พร้อมด้วยชื่อเล่นใหม่ที่เรียกกันว่า “ท่านประธานของทุกสิ่ง” สะท้อนตำแหน่งสูงสุดทั้งทางการเมืองและการทหาร รวมไปถึงในฐานะ “แก่น” ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

แม้จะมีนโยบายนำจีนสู่ความเป็นผู้นำของโลก ทว่า สี จิ้นผิง ก็พยายามวางภาพผู้นำจีนในฐานะคนธรรมดาเอาไว้ด้วยเช่นกัน ด้วยการแต่งตัวสบายๆ เดินไปซื่อซาลาเปาในร้านริมถนนปะปนกับคนทั่วไป สร้างความประหลาดใจให้กับชาวจีนได้ไม่น้อย

หลังเลิกกับภรรยาคนแรก สี จิ้นผิง แต่งงานกับนักร้องโซปราโนที่ในเวลานั้นโด่งดังกว่าตัว สี เองอย่าง “เผิง ลี่หยวน” เมื่อปี 2530 ก่อนมีลูกสาว 1 คนที่มีชื่อว่า “สี หมิงซี” ผู้ที่จบจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด แต่ไม่ค่อยปรากฏตัวต่อสาธาณะเท่าใดนัก

แม้จะมีภาพลักษณ์ผู้นำที่เป็นมิตร ทว่า สี ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการกวาดล้างกลุ่มภาคประชาสังคม รวมถึงการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

เช่นชาวเน็ตบางคนที่กล้าเปรียบเทียบผู้นำจีนกับ “วินนี่เดอะพูห์” ต้องพบกับความจริงที่ว่าข้อความที่โพสต์นั้นถูกลบอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ชายอีกรายที่เรียกประธานาธิบดีของตนว่าเป็น “สี ซาลาเปานึ่ง” ต้องรับโทษจำคุกถึง 2 ปี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image