พม.ชี้ ไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเกือบเต็มรูปแบบ ยูนิเซฟ ชมนโยบายให้เงินเด็กแรกเกิด

รองปลัด พม. ชู ยุทธศาสตร์ 5 ปี หวังปชช.มีสุข สังคมคุณภาพ วางมาตรการรับสังคมผู้สูงอายุ- ฟุ้ง ยูนิเซฟชื่นชม เพิ่มเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด 600 บ./เดือน 3 ปี พร้อมหนุนการออมเพื่อที่อยู่อาศัย

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 มีนาคม ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.พ.ปิยสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข นายสำเริง แสงภู่วงศ์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)และนางไพรวรรณ พลวัน รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ ร่วมชี้แจงการทำงานในความรับผิดชอบ ในกิจกรรม “สื่ออยากรู้ รัฐบาลอยากเล่า” ครั้งที่ 2

นางไพรวรรณ พลวัน กล่าวว่า พม.มีวิสัยทัศน์ให้สังคมมีความมั่นคง ประชาชนอยู่ดีมีสุข ลดการพึ่งพิงจากภาครัฐ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พม.ได้จัดทำยุทธศาสตร์ 5 ปีของกระทรวง ในเรื่อง ทำอย่างไรให้ พม.เป็นผู้นำด้านสังคม ซึ่ง พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. กล่าวว่าการจะเป็นผู้นำสังคม จำเป็นต้องมีข้อมูลสังคม ขณะนี้ พม.มีการสำรวจกลุ่มเป้าหมายที่กระทรวงดูแล ทั้งเด็ก เยาวชน ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาส เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย คือ ประชาชนอยู่ดีมีสุข สังคมมีคุณภาพ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ในระยะแรกของยุทธศาสตร์คือตั้งแต่ 2560-2564

นางไพรวรรณ กล่าวว่า ขณะนี้สังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเกือบเต็มรูปแบบ คาดว่าในปี 2564 จะมีสัดส่วนผู้สูงอายุ 30% ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงมาก ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อม ซึ่งไม่ใช่มาเริ่มเมื่ออายุ 60 ปี แต่ต้องเตรียมพร้อมตั้งแต่อยู่ในครรภ์ รวมถึงเตรียมให้เด็กเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ โดยกระทรวง พม.มีการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) โดยตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 กระทรวง พม.มีมาตรการและกลไกในการขับเคลื่อนเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ 4 มาตรการ ดังนี้ 1.การจ้างงานผู้สูงอายุ 2.การสร้างที่พักอาศัย 3.สินเชื่อที่อยู่อาศัย 4.การบูรณาการระบบบำเหน็จบำนาญ

Advertisement

นายไพรวรรณ กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินการด้านเด็กแรกเกิด พม.มีเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดจำนวน 600 บาทต่อคน เป็นเวลา 3 ปี จากแต่เดิม 300 บาท เนื่องจากมีผลการศึกษาและวัดความพึงพอใจจากประชาชน รวมถึงองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ(ยูนิเซฟ)ได้ประเมินผลการดำเนินงาน และระบุว่าเป็นผลงานที่ดี รัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรีจึงอนุมัติเงินอุดหนุนจำนวนดังกล่าว และหลังจาก 3 ปีไปแล้ว จะเป็นเรื่องของศูนย์เด็กเล็กที่ต้องดูแลพัฒนาการเพื่อให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีการบูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วน นอกจากนี้ ยังเน้นเรื่องสภาเด็กและเยาวชน และการส่งเสริมการออม โดยเฉพาะการออมเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งสภาองค์กรชุมชนมีการส่งเสริมให้เด็กออมวันละ 1 บาท เพื่อให้การออมดังกล่าวได้เป็นหลักประกันสำหรับผู้ที่ต้องการมีบ้านในอนาคต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image