กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง บุกทบ.ระบุ หากกองทัพไม่สนองจะเดินหน้าไปทำเนียบรัฐบาล

การเคลื่อนไหวยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ภายหลังกลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมและแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเคลื่อนขบวนออกจาก มธ.ไปหน้า ทบ.ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (คลิกอ่าน) ตลอดทางได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนเป็นระยะ โดยระหว่างขบวนเคลื่อนมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มแกนนำเชิญชวนประชาชนตะโกนประกาศจุดยืนการอยากเลือกตั้ง โดยก่อนถึงหน้า ทบ.มีเจ้าหน้าที่ตั้งแผงกั้น มิให้ผู้ร่วมกิจกรรมฝ่าเข้าไป ท้ายที่สุด กลุ่มคนดังกล่าวรวมพลังฝ่าแผงกั้นเข้าไปได้ ซึ่งระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าตะโกนว่า ตอนนี้ประชาชนกำลังทำผิด พ.ร.บ.การชุมนุม และทำร้ายเจ้าหน้าที่ ขอให้ประชาชนหยุดการกระทำดังกล่าว

ต่อมาเวลาประมาณ 18.45 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนมาถึงหน้า ทบ. แต่ไม่สามารถเข้าไปด้านใน ทบ.ได้ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่จำนวนมากยืนเป็นกำแพงมนุษย์กั้นไว้ จากนั้นแกนนำจึงประกาศให้ประชาชนนั่งลง แล้วปราศรัยโดยปราศจากความรุนแรง

ต่อมา นางสาวณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เชิญชวนประชาชนชู 3 นิ้วบอกรัก หันหน้าเข้า ทบ. พร้อมตะโกน “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” ด้านนายเอกชัย หงส์กังวาน ได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ จุดธูป 36 ดอก เพื่อปัดเป่าความชั่วร้าย และอุปสรรคต่อการเลือกตั้ง ภาวนาให้การชุมนุมวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี

Advertisement

นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว กล่าวว่า แม้ไฟถนนราชดำเนินที่ดับตรงนี้ แต่เรายังมีเเสงสว่างของประชาธิปไตยอยู่ และขอขอบคุณผู้ชุมนุมที่กล้าหาญมุ่งหน้าจากถนนราชดำเนินจนถึงกองทัพบก โดยการร่วมกิจกรรมครั้งนี้แสดงว่าประชาชนมีแรงหึกเหิม

จ่านิวกล่าวต่อว่า เราจะดูว่ากองทัพบกจะตอบสนองอย่างไร หากไม่ตอบสนองเราจะมุ่งหน้าไปทำเนียบรัฐบาลเเทน ส่วนตอนนี้จะไม่ไปไหน และเห็นใจตำรวจที่มาปกป้องทหาร โดยวันนี้ขอให้ตำรวจทำหน้าที่แค่ดูแลความสงบเรียบร้อย เราไม่ได้เป็นศัตรู

จากนั้นเป็นการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยแจกกระดาษให้ผู้ร่วมกิจกรรมช่วยกันพับเป็นรูปจรวดพร้อมโยนเข้าไปใน ทบ. บนกระดาษมีรูปยุงหน้า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในเครื่องหมายหยุด อีกด้านหนึ่งเป็นการแสดงแผงวงจรชีวิตเผด็จการ

ต่อมาในเวลา 19.45 น. เจ้าหน้าที่ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ขอความร่วมมือให้ยุติการชุมนุม เนื่องจากการกระทำที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะทุกประการ โดย น.ส.ณัฏฐาได้เจรจาต่อรองกับเจ้าหน้าที่ ขอดำเนินการปราศรัยต่อไป ไม่เกินเวลา 21.00 น. จากนั้นเกิดความชุลมุนเล็กน้อย โดยกลุ่มผู้ชุมนุมทำการยื่นดอกกุหลาบขาวให้เจ้าหน้าที่ แต่ทั้งหมดกลับนิ่งเฉย ไม่รับดอกไม้ใดๆ

ด้านนายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า ดีใจที่การพูดวันนี้ไม่ได้จำกัดแค่ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย แต่มีพี่น้องตำรวจมากมายร่วมรับฟังด้วย

“เมื่อกี้ผมถามพี่ๆ ตำรวจ เขาบอกว่าจาก มธ.มาหน้า ทบ.มีพี่น้องรวมกันกว่า 1,000 คน แต่ผมเชื่อว่าเรามีมากกว่านั้น ซึ่ง จนท.ที่ยืนอยู่ตรงนี้น่าจะพอกับเรา ดังนั้น วันนี้จึงมีผู้ชุมนุมกว่า 2,000 คน โดยจุดยืนของเราคือยืนอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ใช้ชีวิตในสังคมที่มีเสียงเท่ากัน หายใจในสังคมเสรีภาพ เดินไปไหนได้อย่างอิสระ ไม่ถูกรังแกอย่างวันนี้” นายรังสิมันต์กล่าว

นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า ต้องขอบคุณไผ่ ดาวดิน ที่ต่อสู้แม้จะอยู่ในคุก แม้ไผ่จะติดคุกเป็นเวลา 1 ปี 3 เดือน ไผ่ไม่ท้อ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าคุกขังอุดมการณ์ไม่ได้ ไผ่ยังคงยืนเด่นโดยท้าทายอย่างเสมอ ขนาดไผ่ที่อยู่ในคุกยังต่อสู้หนักหน่วงขนาดนี้ พวกเราจะไม่หยุดต่อสู้เช่นกัน

“ขอขอบคุณผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่ร่วมสู้กันมาจนถึงตอนนี้ อยากจะสื่อสารกับกองทัพว่า ตอนนี้ประชาชนยังสามารถฝากความหวังกับกองทัพได้อีกหรือ แต่ยังเชื่ออย่างสนิทใจว่ามีทหารตำรวจจำนวนไม่น้อยที่เกลียดการทุจริตคอร์รัปชัน” นายรังสิมันต์กล่าว

นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า เมื่อไหร่ที่กองทัพยืนเคียงข้างประชาชน วันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายของ คสช. กองทัพในฐานะกองหนุนกองสุดท้ายของ คสช. ขอเสนอให้กองทัพมาเคียงข้างประชาชน อย่าเห็นประชาชนเป็นศัตรู ทหารอาชีพต้องไม่ทำร้ายกลั่นแกล้งประชาชน ไม่ฉีกรัฐธรรมนูญ ปกป้องประชาธิปไตย

ท้ายที่สุด นายสิรวิชญ์ขึ้นพูดก่อนปิดการชุมนุมว่า สาเหตุของการชุมนุม อยากเลือกตั้ง เพราะประชาชนต้องการระบอบประชาธิปไตย ซึ่งคือจุดยืนที่เรามีมาตลอด 4 ปี และเราจะกลับมาชุมนุมใหญ่อีกครั้งจนกว่าจะได้ประชาธิปไตย โดนข้อเสอนของวันนี้คือ ให้กองทัพบกเลือกว่า จะรับใช้ประชาชน หรือเลือกรับใช้คสช.ต่อไป

ทั้งนี้ หากกองทัพไม่รับข้อเสนอ เดือนพฤษภาคมนี้ทางกลุ่มคนอยากเลือกตั้งจะมุ่งหน้าต่อไปยังทำเนียบรัฐบาล

กระทั่งเวลา 20.40 น. กลุ่มผู้ปราศรัยประกาศยุติการชุมนุม โดยขอความร่วมมือให้ทุกคนช่วยเก็บขยะด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image