“หมอช้าง” พาทัวร์ “บุญ” “ไหว้พระฮ่องกง” แบบไหนถึง “เป๊ะ!!”

แม้ว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคนไทยจะแห่แหนกันหิ้วกระเป๋าออกไปทัวร์ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น กันมากขึ้น หลังจากประเทศเหล่านี้เปิดฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย แต่ความนิยมของฮ่องกง และมาเก๊า ซึ่งคนไทยเคยปักหมุดเปิดโลกก็ยังไม่ได้คลายลงเท่าไหร่

นั่นก็คงเป็นเพราะฮ่องกงเดินทางง่าย ใช้เวลาบินมาเพียง 2 ชั่วโมงกว่าๆ ไม่นับอาหารอันโอชะ และแหล่งช้อปปิ้งปลอดภาษี หนึ่งกิจกรรมที่คนไทยไม่พลาดย่อมเป็นการสักการะขอพรเทพเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสริมสิริมงคลให้ชีวิต

แต่จะไหว้พระขอพรอย่างไรให้เข้าถึงอย่างแท้จริงนั้น ก็คงต้องถามผู้รู้ โอกาสนี้ จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ร่วมกับดีแทค เชิญ อาจารย์ช้าง-ทศพร ศรีตุลา นำทีมผู้โชคดีที่ใช้เครือข่ายดีแทค และสมัครสมาชิก SMS เคล็ดลับเสริมมงคล เหินฟ้าเยือนเกาะฮ่องกง ที่ขึ้นชื่อว่ามีเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ขออะไรก็สัมฤทธิผล ในทริปอิ่มบุญ อิ่มช้อป ที่ไม่เพียงจะได้รู้หลักการไหว้อย่างถูกวิธีแล้ว ยังได้รู้เกร็ดเคล็ดลับของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งต่างๆ อีกด้วย

เหตุแห่งความฮิต ที่ไม่เสื่อมคลายในหมู่คนไทย หมอช้างบอกว่า ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าคนไทยชื่นชอบเรื่องการไหว้พระขอพรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไปไหว้ที่หนึ่งขอได้ทุกเรื่อง ซึ่งในแต่ละสถานที่ก็แตกต่างกัน แต่ฮ่องกง มาเก๊า จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เฉพาะทางมากกว่าเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นความรัก เงิน แก้ปีชง การงาน ที่ฮ่องกงจะมีเทพเจ้าในลัทธิเต๋าที่โดดเด่นในเรื่องต่างๆ อยู่มาก ต่างจากไทยที่มีน้อย วัดจีนในประเทศไทยเป็นแบบมหายานเสียส่วนใหญ่

นั่นจึงเป็นเหตุผลให้คนนิยมมาขอพรที่ฮ่องกง

Advertisement

ส่วนอยากสมหวังเรื่องอะไร ต้องขอแบบไหน ติดตามได้ ณ บัดนี้

การงาน ก้าวหน้า

หากจะเริ่มขอพรแล้ว เรื่องแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงคงจะเป็นเรื่องงาน สถานที่ที่ขึ้นชื่ออันดับ 1 คงไม่พ้น แชกง หมิว หรือ วัดกังหันนำโชค ซึ่งมีด้วยกัน 2 ที่ด้วยกัน

อ.ช้าง-ทศพร เล่าว่า ตามประวัติแล้วแชกงเป็นนักรบ ผู้ที่ไม่ว่าไปรบที่ใดก็มีแต่ชัยชนะ โดยจะมีสัญลักษณ์ในการเคลื่อนทัพเป็นกังหัน เดิมวัดแชกงตั้งอยู่ในย่านไซกุง จนวันหนึ่งย่านซาจิ่น มีโรคระบาดเกิดขึ้นมาจึงได้เชิญแชกงมาประทับให้คนอธิษฐาน ไม่นานโรคระบาดก็หายไป จึงได้อัญเชิญแชกงองค์เดิมกลับ และมีการสร้างองค์จำลองที่ย่านซาจิ่น ซึ่งที่หลังนี่เองที่คนไทยนิยมไปมากเนื่องจากเดินทางได้ง่ายกว่าและมีป้ายแนะนำเป็นภาษาไทยด้วย

แชกงเดิม
แชกงใหม่

ความศักดิ์สิทธิ์ของที่แห่งนี้ทำให้ในช่วงตรุษจีน คนต้องเข้าคิวไหว้ถึง 2-3 ชั่วโมง นานกว่าดิสนีย์แลนด์ด้วยซ้ำ ซึ่งครั้งนี้ อ.ช้างได้พาไปไหว้ทั้ง วัดแชกงเดิม และ แชกงแห่งใหม่

โดยวิธีการไหว้ที่วัดแชกงเดิมนั้น ให้เริ่มจากไหว้ฟ้าดินด้วยธูปเล็ก ก่อนจะไหว้แชกงด้วยธูปใหญ่ อย่างละ 3 ดอก ธูปที่เหลือให้นำไปไหว้เจ้าที่และพระโพธิสัตว์ที่อยู่รายล้อมศาลเจ้า จากนั้นให้พับกระทงกระดาษเงินกระดาษทอง พร้อมเขียนชื่อ วันเดือนปีที่ไหว้ให้ชัดเจนก่อนนำไปเผา ขั้นตอนสุดท้ายคือการหมุนกังหัน ที่จะมีด้วยกัน 2 ข้าง ข้างซ้ายให้หมุนเพื่อครอบครัว ต่อด้วยข้างขวาคือการหมุนให้ตัวเอง หมุนตามเข็มนาฬิกาข้างละ 3 ครั้ง ปิดท้ายด้วยการตีระฆังและกลอง ที่นิยมตีให้พร้อมกันในคราวเดียวเพื่อให้เสียงกึกก้องกังวาน

สำหรับที่แชกงหมิวแห่งใหม่ ย่านซาจิ่น ก็ให้ไหว้ฟ้าดินก่อนเช่นกัน ก่อนจะไหว้แชกง ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่วัดคอยนำไหว้ เมื่อไหว้เสร็จแล้วให้เข้าไปคำนับแชกงด้านใน บ้างก็มีผู้ทำพิธีนำเครื่องประดับและสัญลักษณ์ของแชกงมาทำพิธีที่นี่ได้ เมื่อเสร็จแล้วจึงออกไปหมุนกังหัน 3 ครั้งเช่นกัน

สุขภาพ-ความรัก เรื่องที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้

เมื่อประสบความสำเร็จกับเรื่องการงานแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะพลาดไม่ได้ในการเดินทางไปขอพรย่อมเป็นเรื่องสุขภาพและความรัก ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้ รวมอยู่ใน วัดหวังต้าเซียน หรือเรียกว่า ชิกชิก หยวน หว่อง ไท ซิน ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เปรียบดั่งศาลหลักเมืองของฮ่องกงก็ไม่ปาน คนฮ่องกงเองศรัทธาในวัดแห่งนี้มากจนเทศกาลสำคัญๆ จะมีคนต่อคิวยาวข้ามวันกันเลยทีเดียว

เดินทางมาที่นี่ เหล่าผู้ศรัทธาจะได้ไหว้ “ภาพขาวดำล้ำค่า” ใบหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปวาดของหวังต้าเซียน ถูกนำเข้ามาที่ฮ่องกงเมื่อปี 1915 ประจวบเหมาะกับสถานที่ตั้งอันเป็นมงคล ด้านหลังติดภูเขาสิงโต ภูเขาธรรมชาติที่ไม่มีการตัดแต่งใด วัดนี้จึงเหมือนเป็นสิงโตนอนเหนือโบสถ์อยู่ แรกเริ่มเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล คนมาไหว้จะต้องไหว้จากด้านนอก จนเมื่อไม่นานมานี้ที่เปิดให้เข้าสักการะได้

หวังต้าเซียน

ด้วยความที่วัดหวังต้าเซียน เป็นมูลนิธิช่วยคนเจ็บป่วย นั่นทำให้ อ.ช้างบอกว่า หากจะมาขอพรที่นี่ก็ต้องเน้นเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญที่สุด โดยจะมีจุดสำคัญอยู่ 3 จุด ได้แก่ ภาพหวังต้าเซียน ขอพรเรื่องสุขภาพ วิหาร 3 เซียน ซึ่งภายในมีเจ้าแม่กวนอิมประทับอยู่ และ วิหารแห่งไฟ ว่ากันว่าเป็นที่ตั้งของอาจารย์หวังต้าเซียน จึงเหมาะกับการขอพรเรื่องการเรียน และปัญญา ซึ่งแต่ละจุดให้ใช้ธูป 3 ดอกขอพร ใช้การคำนับแทนการกราบ

ไฮไลต์ต่อไปที่คนโสดเฝ้าติดตามรอคอย จนฮิตเป็นกระทู้ในโลกออนไลน์ คือ เทพเจ้าหยุดโหลว หรือในภาษาจีนกลางอ่านว่า เย่เหล่า หมายถึง “ผู้เฒ่าจันทรา” ที่จะถือสมุดรายชื่อเนื้อคู่ของเราอยู่ โดย อ.ช้างแนะนำขั้นตอนว่า ให้นำนิ้วนางและนิ้วโป้งของแต่ละข้างมาแตะกันเอง จากนั้นให้นำเอานิ้วก้อยมาขัดไว้ในช่องว่างนั้น ก่อนนำด้ายแดงมาใส่ไว้ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลางของทั้งสองด้าน คำนับผู้เฒ่าจันทรา 3 ครั้ง จากนั้นไปคำนับเพศตัวเอง 3 ครั้ง และคำนับเพศตรงข้ามอีก 3 ครั้ง พร้อมกับนำเอาด้ายแดงในมือไปลูบเท้าเพศตรงข้าม ก่อนผูกให้แน่น เป็นการกระชับด้ายแดงของเราและเนื้อคู่ให้เข้าใกล้กันเพิ่มอีกนิด

ผู้เฒ่าจันทรา

กุศโลบายก็คือการสอดแทรกแนวคิดว่าให้รู้จักเคารพเพศตรงข้าม จากการที่นำด้ายแดงไปลูบขาเพศตรงข้ามนั่นเอง

แก้ปีชง เรื่องนี้ปีมะโรงต้องรู้

ว่ากันต่อด้วยเรื่องปีชง ที่ถ้าอยู่ในประเทศไทย ทุกคนคงจะรีบไปไหว้ เทพเจ้าไท่ส่วยเอี้ย ที่ วัดเล่งเน่ยยี่ เพื่อแก้ปีชง บ้างนำดวงไปฝากที่ต่างๆ ซึ่งหลักในเรื่องนี้ อ.ช้างบอกว่า ปีชงก็เหมือนเป็นปีที่ปะทะ ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป การชงก็เหมือนชีวิตที่ใช้พลังมากกว่าเดิม เหมือนรถที่วิ่งเร็วกว่าเดิม จะถึงที่หมายเร็วขึ้นแต่ก็ต้องมีสติ ซึ่งปีชงนี่เองที่เป็นปีที่เทพเจ้าไท่ส่วยเอี้ยที่ปกปักดวงประจำปีของเราจะมองไม่เห็น จึงต้องนำดวงไปฝากไว้ให้ท่าน ซึ่งปีนี้มีปีชงเพียงปีเดียวคือปีมะโรง แถมยังเป็นธาตุดินเช่นเดียวกับปีจอ จึงไม่จำเป็นต้องกังวล

นอกเหนือจากนั้นเป็นปีที่ต้องระวังอย่าง จอ ระกา มะแม ฉลู ซึ่งที่ฮ่องกงนี่เอง มี วัดหยวนหยวน ที่คนไทยน้อยคนจะรู้จัก เนื่องจากเดินทางยาก เป็นวัดที่มีเทพเจ้าไท่ส่วยเอี้ยอยู่ถึง 60 องค์

วัดหยวนหยวน

ก่อนจะเริ่มต้นขอพรที่แห่งนี้ ทุกคนต้องเขียนวันเดือนปีเกิดไปยื่นกับเจ้าหน้าที่ขณะซื้อธูป-กระดาษเงินกระดาษทอง รวมถึงลูกอมและถั่ว โดยเจ้าหน้าที่จะได้เขียนเลขประจำตัวขององค์ไท่ส่วยเอี้ยให้เรา เมื่อไหว้ฟ้าดินด้านนอกแล้ว ให้นำธูปเข้าไปไหว้แม่ของไท่ส่วยเอี้ยตรงกลางห้องโถง วางธูป 3 ดอก และลูกอม-ถั่วเล็กน้อย ก่อนไหว้ไท่ส่วยเอี้ยประจำปีนี้ คือองค์ที่ 35 พร้อมธูป 3 ดอก และลูกอม-ถั่ว จากนั้นมุ่งหน้าหาองค์ประจำปีเกิดของแต่ละคน วางธูปอีก 3 ดอก และถั่ว ลูกอมอีกเช่นกัน และค่อยๆ ไล่ตั้งแต่องค์ที่ 1-60 อีกครั้ง โดยวางธูปองค์ละ 1 ดอก หลังจากนั้นให้นำกระดาษเงินกระดาษทองไปเผาเป็นอันเสร็จสิ้น

ขอลูก ขอพร ขอความเมตตา

ที่หนึ่งที่เป็นที่นิยมในการเดินทางมาขอพรของคนไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้คือ การสักการะ พระโพธิสัตว์กวนอิม ที่ Repulse bay ชายหาดรูปพระอาทิตย์ที่ตั้งอยู่บนจุดที่มีฮวงจุ้ยดีที่สุดแห่งหนึ่งของฮ่องกง ณ ที่แห่งนี้ พระโพธิสัตว์กวนอิมผู้มีพระเมตตาได้ประดิษฐานคู่กับ เจ้าแม่หม่าโจ้ว ที่ดูแลเรื่องการเดินทาง เทพทั้ง 2 องค์หันหน้าออกสู่ทะเลที่เบื้องหน้ามีเกาะแก่งสามารถเก็บทรัพย์สมบัติได้ ด้านหลังเป็นภูเขาขนาดใหญ่ ทำให้ที่แห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์ โดยหมอช้างบอกว่า หากมาที่นี่ควรไหว้พระโพธิสัตว์กวนอิมก่อนเพราะมีฐานะสูงกว่า และให้ยืนตรงกระเบื้องสีขาวและแดงด้านหน้า เพราะเป็นจุดฮวงจุ้ยที่ชาวฮ่องกงคำนวณมาแล้ว ซึ่งจะนำสร้อยไข่มุกมาถวายหรือไม่นั้นแล้วแต่ความสมัครใจ

เจ้าแม่หม่าโจ้ว
ขอลูกและขอโชคลาภ

เมื่อสักการะเสร็จแล้ว ก็ให้นำธนบัตร 2 ใบ มาพับเป็น 3 เหลี่ยม และนำมาลูบเทพเจ้าไฉ่ซิ่งเอี้ยด้านหน้าจากหลังลงมาที่ขา และนำธนบัตรนี้เก็บใส่กระเป๋าสตางค์ไว้เพื่อเสริมโชค ก่อนจะลูบรูปปั้นองค์ซ้ายสุดถัดจากเทพเจ้าไฉ่ซิ่งเอี้ย เป็นการขอลูกจากพระโพธิสัตว์ ซึ่งหมอช้างยังบอกด้วยว่า มีคนดังจำนวนไม่น้อยที่มาขอพรลูกที่นี่แล้วประสบความสำเร็จ เป็นลูกของเจ้าแม่กวนอิม

หลังจากสักการะพระโพธิสัตว์กวนอิมเสร็จแล้ว ชายหาดเดียวกันนี้ยังสามารถเดินไปบริเวณข้างๆ ข้ามสะพานไปพบกับแพะ 3 ตัว อันหมายถึงความโชคดี สะพานสีแดงแห่งนี้เชื่อกันว่าข้ามไปแล้วจะมีอายุยืนยาวขึ้นอีก 3 ปี และไม่ควรข้ามกลับมา

ข้างกันนั้นมีศาลา 8 เหลี่ยม ที่อาจารย์ช้างบอกว่า

จุดที่ดีที่สุดในการขอพรคือกึ่งกลางของศาลา หันหน้าออกสู่ทะเล ซึ่งจะทำให้คำขอมุ่งออกไปได้ดีที่สุด

เรื่องเงินทอง พลาดไม่ได้

นอกจากสถานที่ต่างๆ แล้วนั้น ยังมีที่แห่งหนึ่งที่คนไทยนิยมไปขอพรเพิ่มโชคลาภ คือการสักการะ พระโพธิสัตว์กวนอิมย่านฮัมฮอง ถือได้ว่าเป็น ศาลเจ้าแม่กวนอิมที่เก่าแก่ที่สุดในฮ่องกง ส่วนใหญ่จะเดินทางมาไหว้ในวันเปิดทรัพย์เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งตรงกับวันเปิดทรัพย์ในทางโหราศาสตร์จีน คนที่ไหว้จะได้รับซองอั่งเปา เขียนไว้ว่าได้เงินเท่าไหร่ เหมือนกับว่าไปขอรับเงินจากท่าน นั่นทำให้คนไทยเรียกว่า ไปกู้เงินเจ้าแม่กวนอิม

พระโพธิสัตว์กวนอิม

เมื่อคำขอสำเร็จ ทำมาค้าขายดี คนก็จะไปไหว้ขอบคุณอีกครั้ง และในวันเปิดทรัพย์นี้ คนก็มักไปรอกันข้ามคืนเลยทีเดียว

ส่วนใครที่อยากจะแขวนธูปเจดีย์ก็ต้องรอหลายเดือน นั่นเพราะวัดมีขนาดเล็กนั่นเอง

ไหว้พระฮ่องกง แบบไหนจึงเรียกว่าเป๊ะ

แน่นอนว่าหลังจากทราบกันไปแล้วว่าสถานที่ใดโด่งดังในเรื่องไหน ย่อมเกิดคำถามตามมาว่า แล้วจะต้องไหว้ที่ใดก่อนเป็นที่แรก ในเรื่องนี้ หมอช้างบอกว่าเรื่องที่ใดก่อนหลังนั้นไม่ถือเป็นเรื่องสำคัญ อยู่ที่ความสะดวกและการเดินทางมากกว่า เพราะแต่ละสถานที่ก็เดินทางยาก ไม่มีรถไฟฟ้าไปถึง

สิ่งสำคัญคือสมาธิในการขอพรแต่ละที่ เน้นคุณภาพดีกว่าจำนวน โดยการจะไปไหว้พระแต่ละที่นอกจากจะต้องดูเวลาเปิด-ปิด และวิธีเดินทางแล้ว ก็จำเป็นต้องศึกษาประวัติมาบ้าง มิเช่นนั้นจะกลายเป็นงมงายมากไปกว่าความเชื่อ

“สิ่งสำคัญที่สุดในการไหว้คือการศึกษาประวัติของเทพเจ้าแต่ละองค์ เพื่อให้ขอพรได้ถูกและขอแต่ในสิ่งที่ดีไม่คิดร้ายกับใคร เช่นพระโพธิสัตว์กวนอิมท่านมีเมตตา เราก็ควรใช้ความเมตตาเป็นเครื่องบูชา แชกงเป็นผู้ปราบโจร ก็ต้องไม่ทำตัวเป็นโจรไปขอพรท่าน นอกจากนี้ควรไหว้ให้ถูกแบบที่ดั้งเดิมเขาไหว้กัน เช่นไหว้ฟ้าดิน ที่คนฮ่องกงนับถือว่าจะช่วยเปิดทางให้เราก่อน”

“หลักง่ายๆ ก็คือใช้ความดีเป็นเครื่องบูชา ให้คิดไว้ว่าความสำเร็จเกิดขึ้นจากความเพียร เทพเจ้าเพียงช่วยให้ความเพียรนั้นถึงความสำเร็จเร็วขึ้นเท่านั้น” หมอช้างย้ำ

ส่วนเวลายอดนิยมที่คนฮ่องกงนิยมมาไหว้กัน ก็คือต้นปี ที่จะได้ขอให้ทั้งปีประสบความสำเร็จ ซึ่งเมื่อสำเร็จแล้ว คนก็จะนิยมกลับมาขอบพระคุณเทพเจ้า เป็นหลักกตัญญูที่สอดแทรกอยู่

เครื่องไหว้แบบฮ่องกง

หากได้เข้าไปสักการะตามวัดต่างๆ แล้ว สิ่งที่ไม่รอดพ้นสายตาคนไทยเป็นแน่แท้ย่อมเป็น ธูปยักษ์ ที่มีขนาดสูงหลายเมตร และ ธูปเจดีย์ ที่ชาวฮ่องกงนำมาแขวนไหว้เทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแต่ละที่ อ.ช้างอธิบายไว้คร่าวๆ ว่า คนฮ่องกงนั้นเชื่อว่ายิ่งธูปยาวเท่าไหร่คำขอของเราก็จะทับๆ กันไปนานเท่านั้น จึงเป็นที่มาของธูปเจดีย์ที่นำไปแขวนที่ต่างๆ มีทั้งแบบ 7 วัน 15 วัน ซึ่งบางวัดที่สถานที่เล็กๆ นั้น อาจจะต้องรอคิวหลายเดือน ยิ่งหลังตรุษจีนก็ยิ่งยาวขึ้น

ธูปเจดีย์

นอกจากธูปแล้ว สิ่งหนึ่งที่แต่ละวัดมีก็คงจะเป็น กระดาษเงินกระดาษทอง ใช้เป็นเครื่องบูชาของแต่ละวัดเป็นการปิดท้ายเหมือนกับการกรวดน้ำของไทย ส่วนกิมมิกที่หมอช้างได้แนะนำลูกทีมในทริปนี้ คือการนำถุงผ้าที่บรรจุไท่ส่วยเอี้ยและปี่เซียะอยู่ด้านใน นำมาวนกับธูปไปตามเข็มนาฬิกา 3 ครั้งในแต่ละจุดที่ไหว้ พร้อมแตะขี้ธูปด้านล่างเล็กน้อย ก่อนนำสิ่งนี้พกติดตัวเป็นสิริมงคล

กระดาษเงินกระดาษทอง

ซึ่งที่ฮ่องกงนี้ แต่ละที่ก็จะไม่มีการกราบ แต่ใช้วิธีคำนับแทน

อิ่มบุญ อิ่มความรู้ ไหว้พระครั้งต่อไป รับบุญกันไปเต็มๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image