วันที่ 4 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลประกอบการของกลุ่มทีวีดิจิทัลต่างประสบภาวะขาดทุน ทำให้ทีวีดิจิทัลหลายช่องต่างต้องปรับโครงสร้างใหม่การบริหารใหม่พร้อมลดรายจ่ายลงมา ล่าสุด กลุ่มบีอีซี เวิลด์ ในส่วนของบริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด ผู้ถือใบอนุญาตประกอบการช่องโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล บริหารช่อง 33 เอชดี , ช่อง 28 และแฟมิลี่ ช่อง 13 รวมทั้งยังมีบริษัทเผยแพร่กลุ่มสื่อสารและโฆษณาในเครือมากมายผ่านธุรกิจสถานีวิทยุ อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือและกลุ่มสื่อสารผ่านดาวเทียม ได้ออกมาตรการปรับลดรายจ่ายทุกด้าน โดยเฉพาะต้นทุนจากรายจ่ายค่าจ้างของพนักงานนั้น มีการกำหนดแผนเออร์ลี่ รีไทร์ออกมาแล้ว ให้เริ่มจากฝ่ายข่าวก่อน เสนอผลตอบแทนสูงสุด 10 เท่าของเงินเดือน รวมถึงพนักงานที่เดิมไม่มีกำหนดการเกษียณอายุให้ร่วมโครงการดังกล่าวด้วย
โดยก่อนหน้านี้ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 ผลการดำเนินงานในปี 2560 ทั้งปี มีรายได้รวม 11,035 ล้านบาท มีกำไร 61 ล้านบาท รายได้รวมลดลง 9.97% จากปี 2559 ที่มีรายได้รวม 12,265.8 ล้านบาท แต่กำไรลดลงถึง 94.99 % โดยตัวเลขกำไรทั้งปีที่เหลือเพียง 61 ล้านบาทนี้ มาจากต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อเทียบกับปี 2559 โดยปี 2560 มีค่าใช้จ่ายรวม 9,176.8 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่มาจากการผลิตรายการและต้นทุนการถ่ายทอดรายการกีฬาอยู่ที่ 5,910.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 425.2 ล้านบาทหรือ 7.8% จากปี 2559 ที่อยู่ที่ 5,485.5 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ช่อง 3 ยังมีรายได้กระเตื้องขึ้นมา จากที่ก่อนหน้านี้รายได้จากโฆษณาทีวีลดลง โดยกระแสละครดัง “บุพเพสันนิวาส” ออนแอร์ทางช่อง 33 เอชดี ตั้งแต่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สร้างปรากฏการณ์ช่วงวันพุธ พฤหัสฯ กลายเป็นละครที่เรตติ้งสูงสุดในยุคทีวีดิจิทัล บรรดาสปอนเซอร์สินค้าต่างซื้อช่วงเวลาโฆษณาละครเรื่องนี้ทั้งหมด 15 ตอน และจะจบลงในวันที่ 11 เมษายนนี้ ออกอากาศวันละ 2.30 ชั่วโมง กำหนดเวลาโฆษณาตอนละ 31.25 นาที ขายนาทีละ 480,000 บาท รวมทั้งยังมีการเพิ่ม 3 ตอนพิเศษขึ้น ออกอากาศต่อเนื่องวันที่ 12, 18 และ 19 เมษายน รวม 18 ตอน ได้เงินค่าโฆษณาทั้งสิ้น 270 ล้านบาท
