ลิเวอร์พูลหักปากกาเซียน เปิดบ้านถล่มแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ขาดลอย 3-0 หลังซัด 3 ลูกรัวๆ ตั้งแต่ 31 นาทีแรกของเกม ในการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก ที่แอนฟิลด์ เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา
เจ้าถิ่นได้ประตูจากโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกชาวอียิปต์ตั้งแต่นาทีที่ 12 นับเป็นประตูที่ 38 จากทุกถ้วยของซาลาห์ในฤดูกาลแรกกับหงส์แดง จากนั้นอเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ทำประตูให้ลิเวอร์พูลหนีห่างเป็น 2-0 ในนาที 20 และซาดิโอ มาเน่ อีกหนึ่งแนวรุกสำคัญชาวเซเนกัลทำประตูย้ำชัยในนาที 31
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลมีเรื่องให้หวั่นใจเมื่อซาลาห์ต้องออกจากสนามช่วงต้นครึ่งหลังเพราะมีปัญหาบาดเจ็บบริเวณต้นขา ต้องรอเช็กอย่างละเอียดต่อไป
เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล กล่าวภายหลังการแข่งขันว่า ลูกทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมสามารถเอาชนะทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเวลานี้ได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะคว้าชัยได้ถึง 3-0 ในการแข่งขันนัดแรกก็ยังดีใจไม่ได้ เพราะถึงจะเล่นดีขนาดไหน แต่ตราบใดที่ยังไม่เข้ารอบก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะฉะนั้นหงส์แดงยังต้องทุ่มเทสุดกำลังต่อไปหากหวังจะผ่านเข้ารอบ เพราะนัดต่อไปต้องไปเยือนเรือใบสีฟ้าที่เอติฮัด สเตเดียม และถ้ายังจำกันได้ในเกมลีกฤดูกาลนี้ หงส์แดงก็เคยไปแพ้ถึง 0-5 ที่นั่นมาแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
ส่วนอาการบาดเจ็บของซาลาห์นั้น คล็อปป์กล่าวว่า ช่วงครึ่งหลัง ซาลาห์เดินมาข้างสนาม บอกว่ารู้สึกไม่ค่อยดี ตนจึงรีบเปลี่ยนตัวออกโดยไม่ลังเล หลังจบเกมได้คุยกันอีกครั้ง เบื้องต้นแข้งชาวอียิปต์ยืนยันว่าไม่น่าเป็นอะไรมาก แต่คงต้องรอผลการสแกนโดยละเอียดอีกครั้ง
ด้านเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีมแมนฯซิตี้ กล่าวว่า ถึงผลที่ออกมาจะค่อนข้างขาด แต่ไม่คิดว่าลูกทีมเล่นแย่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่ในเกมแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในกรอบเขตโทษมักสร้างความแตกต่างในเกมได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าลิเวอร์พูลทำได้ดีมากในจุดนี้ ยังคงเชื่อมั่นว่าทีมจะพลิกสถานการณ์เพื่อผ่านเข้ารอบต่อไปได้ โดยวันรุ่งขึ้นจะพยายามปลุกความมั่นใจให้ลูกทีม เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับนัดต่อไปในสัปดาห์หน้า โดยจะพยายามให้เต็มที่ในช่วงเวลาอีก 90 นาทีที่ยังเหลืออยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเกมการแข่งขันนัดนี้จะเริ่มขึ้นได้เกิดเหตุวุ่นวายนอกสนามเมื่อรถบัสของทีมแมนฯซิตี้โดนขว้างหินและขวดน้ำ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเข้าไปควบคุมสถานการณ์ได้รับบาดเจ็บ และลิเวอร์พูลต้องออกแถลงการณ์ขอโทษในภายหลัง
ส่วนการแข่งขันรอบ 8 ทีมสุดท้ายอีกคู่หนึ่ง บาร์เซโลน่า ยอดทีมจากลาลีก้า สเปน จ่อตีตั๋วเข้ารบอตัดเชือกไปแล้วหลังเปิดรังคัมป์นูถล่มโรม่า ม้ามืดจากกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี 4-1
เจ้าถิ่นได้ประตูจากการทำเข้าประตูตัวเองถึง 2 ลูกติดๆ กันของดานิเอเล่ เด รอสซี่ นาทีที่ 38 และคอสตาส มาโนลาส นาที 55 ก่อนที่เคราร์ด ปิเก้ กองหลังทีมชาติสเปนจะบวกเพิ่มให้เจ้าถิ่นในนาที 59 และหลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงชาวอุรุกวัยทำประตูย้ำชัยในนาที 87 ขณะที่โรม่าตีไข่แตกจากเอดิน เชโก้ นาที 80
