“โต ซิลลี่ฟูล”พบจุฬาราชมนตรี ขอโทษวิจารณ์ศาสนา (ชมคลิป)

โตและตาล คู่หูนักจัดรายการชื่อดัง เข้าพบจุฬาราชมนตรี เพื่อรับฟังโอวาท ข้อเสนอแนะ รวมถึงชี้แจงประเด็นปัญหาหลังถูกกระแสสังคมโจมตีอย่างหนัก กรณีพูดคุยในรายการประเด็นทำไมอิสลามถึงไม่มีรูปปั้นเหมือนชาวพุทธไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ

รายงานข่าวจากจังหวัดสงขลา วันที่ 5 เมษายนนี้ กรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการสร้างปัญหาความขัดแย้งระหว่างศาสนาพุทธกับอิสลาม ในโลกออนไลน์ หลังนายวีรชน ศรัทธายิ่ง หรือ “โต” อดีตนักร้องนำวง “ซิลลี่ฟูล” ได้จัดรายการกับพิธีกรคู่หู ในรายการโต-ตาล โดยพูดคุยกันในประเด็นที่ว่า “ทำไมอิสลามถึงไม่มีรูปปั้น เหมือนชาวพุทธไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ” ซึ่งมีตอนหนึ่งของการพูดที่ถูกมองว่าเป็นคำพูดในเชิงลบหลู่ สร้างความแตกแยกระหว่างสองศาสนา

ล่าสุดเช้าวันนี้ โต-ตาล 2 พิธีกรคู่หู พร้อมทีมงาน ได้เดินทางมายังมัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา เพื่อเข้าพบนายอาศีล พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ที่มีภารกิจอยู่ในพื้นที่ เพื่อชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันก็จะขอรับฟังโอวาทรวมถึงข้อแนะนำ จากจุฬาราชมนตรี รวมถึง ผู้รู้ในหลักการศาสนาอิสลามอย่างแท้จริงอีกด้วย ตามกำหนดการนั้นหลังจากพูดคุยกันเล็กน้อย จุฬาราชมนตรีได้มอบหมายให้นายวิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานสำนักจุฬาราชมนตรีประจำภาคใต้ เป็นผู้ให้คำแนะ เป็นผู้ดำเนินการพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นยังคงเป็นที่วิพากษ์วิจารย์ถึงความเหมาะสม และเป็นการสร้างปัญหาให้เกิดขึ้น ทั้งที่หลายฝ่ายพยายามที่จะสร้างความสามัคคีร่วมกันระหว่างศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม

เวลา 10.00 น.วันเดียวกัน นายอาศีล พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี พร้อม นายศักดิ์กริยา บิลแสละ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา นายวิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานสำนักจุฬาราชมนตรีประจำภาคใต้ พร้อมกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา เปิดโอกาสให้ โตกับตาล 2 พิธิกร เข้าพบ เพื่อชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมรับฟังโอวาทจากจุฬาราชมนตรีในบรรยากาศที่เป็นกันเอง โดยจุฬาราชมนตรีมีน้ำคลอในบางช่วงของการพูดคุย

Advertisement

นายอาศีส กล่าวว่า ขอบคุณที่หันมาสนใจและเผยแพร่ศาสนาอิสลามต่อสังคม แต่การเผแพร่อิสลามนั้นได้ถูกกำหนดชัดเจนว่าจะต้องไม่บริภาษหรือวิพากษ์ศาสนาอื่น อัลกรุอ่านพูดชัด ก็คงไม่เป็นไรเพราะเราแถลงแก้ไปแล้ว คุณ(โต)ก็แถลงขอโทษแล้ว เราก็ดีใจยินดีที่หันมาสนใจเรื่องอิสลาม ตั้งใจเผยแพร่ศาสนาอิสลาม เป็นประโยชน์ต่อสังคมมุสลิมด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่ตำหนิ ขอให้กำลังใจต่อไป แต่ก็ต้องศึกษา และให้มีรอบคอบเพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้กระทบคนอื่น

ในขณะที่โตได้กล่าวขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอยากจะให้ดูเจตานา ไม่เคยมีเจตนาที่ไม่ดีเลย คนที่โกรธอาจจะไม่ได้ดูคลิป ในรายการมีคนถามก็ได้พูดถึงศาสนาเลย แต่อาจจะดูอารมณ์ เสียงดัง เพราะมีคำถามก่อนหน้านั้น แต่ยังไงก็แล้วแต่ รู้สึกเสียใจอย่างมาก ไม่ว่าเจตนาใดก็แล้วแต่ ก็ต้องขอโทษ แต่ตั้งแต่เลิกเล่นดนตรีมานานสิบปี หลังจากนั้นก็หาความรู้พยายามพูด ให้สังคมที่มีตำหนิมีความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น อยากจะให้รู้ว่าประวัติของผมไม่เคยทำตัวให้เสื่อมเสียกับประเทศชาติไม่เคยเมา ไม่เคยอาละวาด ก่อเรื่อง ไม่เคยคิดจะไม่ปรองดองหรือแตกแยก เจตนาถ้าไม่ดีแต่แรกคงจะมีแววอยู่แล้ว อยากให้ดูคลิปให้ครบ และให้ดู 6 ปีที่ผ่านมา ที่เอาคำสอนศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ ก็เอามาใช้ เพราะพูดเพื่อให้เกิดความดีงาม ขอโทษที่ทำให้ทุกคนเสียใจ แต่อยากให้รู้ ไม่มีความตั้งใจ โดยเด็ดขาด ด้วยความบริสุทธิ์ใจ บริสุทธิ์แค่ไหนให้ดูตลอด 6 ปีที่ผ่านมา

โต ซิลลี่ฟูล ยังกล่าวอีกว่า เสียใจที่ทำให้ทุกคนเสียใจ ไม่อยากทำให้ทุกคนเสียใจผมอยากให้ทุกคนมีความสุข อย่าดูคลิปๆ เดียวแล้วตัดสิน แต่อยากให้ 6 ปี ต่อนี้จะไม่ยกคำสอนของพระพุทธเจ้ามาพูดอีก เพราะอาจจะมีความรู้ไม่พอ หวังว่าคนจะไม่ตำหนิผมถ้าจะพูดถึงอิสลามเพียงอย่างเดียว อย่างที่ท่านจุฬาบอกว่า ถ้าไม่มีความรู้พออย่าพูดและผมไม่มีความรู้ลึกในศาสนาอื่นๆก็คงจะหยุดแค่นี้ ผมบังคับให้คนเชื่ออะไรได้แต่อยากจะ ขอโทษถ้าทำให้คิดว่าผมเลวและไม่ดี

ในขณะที่นายวิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานสำนักจุฬาราชมนตรีประจำภาคใต้ กล่าวว่า คำขอโทษที่ออกมาจากคุณโตน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้ชาวพุทธได้เข้าใจ เพราะพุทธศาสนิกชนเอง เมื่อเข้าถึงแก่นธรรมในศาสนาก็จะมีจิตใจที่พร้อมจะอภัย เมื่อมีการขออภัยแล้วก็ไม่น่าจะมีรอยร้าวอีกต่อไป น่าจะมีความเข้าใจกันมากขึ้น ครั้งนี้น่าจะเป็นบทเรียนที่ดี สอนให้รู้ว่าหากอยากเผยแผ่ศาสนาอย่างสันติ นี่คือสัจจธรรม การเผยแผ่ศาสนาในความเป็นพี่น้อง ถ้าหากต้องการปรารถนาเผยแผ่อิสลามต้องสร้างสันติและปรองดอง ไม่ใช่เอาอคติมานำหน้าในการจะมองโลกมองชีวิตมองสังคม คิดว่าเรา พี่น้องพุทธ มุสลิมอยู่ด้วยกันมานาน ในบรรยากาศมิตรภาพ ร่วมสร้างชาติสร้างประเทศด้วยกันมา ก็อาจจะมีการกระทบกระทั่งกันแบบพี่น้อง แต่หากต้องการความสุขความสันติที่แท้จริง ในการอยู่ร่วมกัน คงต้องให้อภัยมากขึ้น รับฟังเหตุผลของกันและกันมากขึ้นและระมัดระวังการใช้โซเซียลมีเดีย มากขึ้น เพราะบางครั้ง คนที่ไม่หวังดี อคติ วู่วาม อาจจะมีการตัดต่อเพื่อสร้างความร้าวฉาน ควรเข้าหาผู้นำของกันและกันเพื่อที่จะรับเอาความเข้าใจที่ถูกต้องมาจะดีที่สุดอย่างที่คุณโตกับคุณตาลทำในวันนี้

(ชมคลิป)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image