โรดแมป ฝุ่นตลบ คสช.-พรรค คึกคัก เส้นทางยังเปราะบาง

นับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมเป็นต้นมา ความเคลื่อนไหวทางการเมืองตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง เริ่มคึกคัก

กลุ่มการเมืองใหม่ยื่นขอจดจัดตั้งพรรคการเมือง รวมทั้งหมด 98 กลุ่ม

ขณะนี้นายทะเบียนพรรคการเมืองได้มอบหนังสือเพื่อให้ไปดำเนินการขั้นตอนต่อไปแล้ว 9 กลุ่ม ประกอบด้วย พรรคพลังชาติไทย พรรคเครือข่ายประชาชนไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคประชาชนปฏิรูป

พรรคทางเลือกใหม่ พรรคกรีน พรรคประชานิยม และพรรคพลังสยาม

Advertisement

ขั้นตอนต่อไปทั้ง 9 พรรคต้องไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งการหาสมาชิก 500 คน การจัดให้มีทุนประเดิม 1 ล้านบาท การจัดประชุมจัดตั้งพรรคการเมืองของผู้ร่วมกันจัดตั้งพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 250 คน

ส่วนกลุ่มการเมืองที่เหลือต้องร้องเพลงรอต่อไป

นั่นคือ ความเคลื่อนไหวของพรรคใหม่

Advertisement

ขณะเดียวกัน เมื่อกาลเวลาคืบคลานมาถึงวันที่ 1 เมษายน ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองเดิมก็ปรากฏ

แต่ละพรรคการเมืองต้องดำเนินการยืนยันตัวตนสมาชิกพรรค และเก็บค่าสมาชิกตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองกำหนด

พรรคการเมืองเดิมที่เคยนิ่งเงียบก็เริ่มกลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา

พรรคเพื่อไทย ซึ่งที่ผ่านมาสะบักสะบอมจากการรัฐประหารมาโดยตลอด

เมื่อวันที่ 4 เมษายน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือเจ๊แดง ขอวางเมืองทางการเมือง

สมาชิกกลุ่มวังบัวบาน ขยายความว่า เป็นเพราะไม่ต้องการถูก “ไล่ล่า” ไม่ต้องการถูกกล่าวหาว่าครอบงำพรรค

ขณะเดียวกัน สังเกตได้ว่า กลุ่มก้อนนักการเมืองที่เคยอยู่พรรคเพื่อไทยก็เริ่มกระจัดกระจาย

กลุ่มวาดะห์ขอแยกไปตั้งพรรคประชาชาติ กลุ่มสะสมทรัพย์จากนครปฐมมีข่าวว่าจะแยกไปอยู่พรรคอื่นที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์

สมาชิกของเพื่อไทยเริ่มถูกตอดออกไป

ด้ านพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ถือโอกาสการชักชวนให้แฟนๆ กลับมายืนยันความเป็นสมาชิก ได้กล่าวปาฐกถาหัวข้อเรื่อง “อนาคตประชาธิปัตย์ อนาคตประเทศไทย”

นายอภิสิทธิ์ถือโอกาสนี้ประกาศแนวทางใหม่ของพรรค

นั่นคือ เศรษฐกิจยุคใหม่ การศึกษายุคใหม่ การเมืองยุคใหม่ กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมยุคใหม่ และระบบราชการยุคใหม่

แถมทิ้งท้ายในช่วงการสัมภาษณ์ ให้ทรรศนะถึงนายกฯคนนอกว่า อยู่ประชาธิปัตย์ต้องหนุนหัวหน้าพรรค

“สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ยังสนับสนุนหัวหน้าพรรค ส่วนใครที่จะออกนอกแถวไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ให้ไปทางเลือกอื่น ไม่ต้องมาที่นี่”

คำกล่าวของนายอภิสิทธิ์เรียกทั้งแฟนเก่ากลับคืน

แต่ก็สร้างความขุ่นเคืองแก่ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย

ข้อขุ่นเคืองนี้ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับมาบอกว่า ขอให้นายอภิสิทธิ์ให้เกียรติ และจำคำพูดไว้

หลังเลือกตั้งมาดูกันอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร

คำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ เท่ากับประกาศท่าทีว่า จะอยู่ในแวดวงการเมืองหลังเลือกตั้ง

สอดรับกับกระแสข่าวการจัดตั้งพรรคการเมืองที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ สนับสนุน

มีข่าวสะพัดว่า พรรคการเมืองที่ชื่อ “พลังประชารัฐ” คือที่มั่นใหม่ของคนรักบิ๊กตู่ จะมีนายอุตตม สาวนานนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหัวหน้า

นายอุตตม เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่สนิทกับนายสมคิด และได้รับการชักชวนให้มานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรี

ช่วยนายสมคิดผลักดันนโยบายอีอีซีในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม นายสมคิดได้ปฏิเสธเรื่องตั้งพรรค แต่ก็เปิดใจเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์แบบเต็มประตู

“ที่ผ่านมาหลายปี หลายคนเคยเห็นความไม่สงบ แล้วถามว่าอยากให้บ้านเมืองกลับไปเป็นอย่างนั้นไหม ถ้าบ้านเมืองสงบแล้วทุกอย่างดีขึ้น มีการพัฒนาประเทศดีขึ้น มีการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น คนมีความสุขมากขึ้นไม่ดีหรือ 

ฉะนั้น ถ้าถามว่าจะสนับสนุนใคร ต้องบอกว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์”

เป็นคำตอบที่ชัดเจนอีกครั้ง ในฟากฝั่ง คสช.

อย่างไรก็ตาม แม้ความเคลื่อนไหวตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง จะแลดูคึกคัก แต่อย่าลืมว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ต้องมี พ.ร.ป.คลอดออกมา 4 ฉบับ

พ.ร.ป.พรรคการเมือง และ พ.ร.ป.คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศใช้แล้ว

แต่ พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. และพ.ร.ป.การได้มาซึ่ง ส.ว. ยัง “ลูกผีลูกคน”

ทั้ง 2 ฉบับ สมาชิก สนช.เพิ่งส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในสิ่งที่ สนช.แก้ไขว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

อนาคตของ พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับนี้คืออนาคตการเลือกตั้ง

ดังนั้น ผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นอีกคำตอบว่า การเลือกตั้งจะมีขึ้นได้หรือไม่

นอกจากนี้ ต้องไม่ลืมว่า คสช.ยึดอำนาจและบริหารประเทศตามเป้าหมาย “ไม่ให้เสียของ” 

หมายถึงไม่ให้นายทักษิณ ชินวัตร กลับมามีพลังอีก ซึ่งรวมถึงการลิดรอนพลังของพรรคเพื่อไทยลงไป

แต่เมื่อไม่นานมานี้ นายทักษิณได้ให้สัมภาษณ์ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

นายทักษิณเปิดเผยว่า “ขณะนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยแล้ว ทางพรรคก็ไม่อยากให้เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่พรรคมีคนดีๆ มาก สามารถจะนำพรรคไปสู่ชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ได้อีกครั้ง”

คำทำนายของนายทักษิณ สอดคล้องกับโพลหลายสำนักที่เช็กเสียง

และถ้าแนวโน้มการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นไปในแนวทางที่นายทักษิณทำนายจริง

เท่ากับการยึดอำนาจ “เสียของ”

ดังนั้น ตราบใดที่ คสช.ไม่มั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้ง และได้เป็นรัฐบาลต่อ

ความเปราะบางของโรดแมปย่อมมีอยู่

การขยับขยายการเลือกตั้งออกไปเรื่อยๆ ย่อมมีโอกาสเกิดขึ้น เฉกเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งหลายคราว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image