สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กองทุนสำรองแห่งรัฐหรือธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศเมื่อวันที่ 11 เมษายนถึงแผนการใหม่ที่จะผ่อนคลายกฎระเบียบซึ่งกำหนดขึ้นมาบังคับใช้กับธนาคารยักษ์ใหญ่ในช่วงวิกฤตการเงินโลกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่าข้อเสนอใหม่จะปรับปรุงกฏระเบียบที่กำหนดให้ธนาคารยักษ์ใหญ่ถือครองจำนวนเงินทุนสำรองในปริมาณที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันความตึงเครียดที่ยังมองไม่เห็น โดยไม่ทำให้ความปลอดภัยของระบบการเงินอ่อนแอลง
“นับเป็นตัวอย่างที่ดีว่างานของเราสามารถลุล่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลและในวิถีทางที่ส่งเสริมความยืดหยุ่นของระบบการเงิน” นายแรนดัลล์ ควาร์ลส์ รองประธานเฟดด้านการควบคุมดูแลกล่าว
ข้อเสนอใหม่ที่เปลี่ยนไปนี้ องค์กรใหญ่จำเป็นต้องทำให้ได้ตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับเงินทุน 14 ข้อ น้อยลงจาก 24 ข้อในปัจจุบัน แผนการดังกล่าวนี้จะมีการสอบถามความคิดเห็นจากสาธารณชนก่อนที่จะนำมาบังคับใช้
ปัจจุบันนี้เฟดสั่งให้ทำสเตรสเทสต์หรือผลการทดสอบภาวะวิกฤตสำหรับธนาคารที่มีสินทรัพย์มากกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ แต่ภายใต้ข้อเสนอใหม่ ปริมาณของเงินทุนสำรองที่ต้องการจะได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมกับแต่ละสถาบันโดยขึ้นอยู่กับการพึ่งพาต่อสภาพของเศรษฐกิจและความเสี่ยงที่แต่ละธนาคารต้องเผชิญ
แถลงการณ์ระบุว่า ไม่มีสถาบันไหนต้องเพิ่มเงินทุนสำรองจากข้อเสนอนี้
เฟดระบุว่าสถาบันการเงินของสหรัฐได้เพิ่มเงินทุนสำรองจำนวนหนึ่งนับต้งแต่การทดสอบสเตรสเทสต์รอบแรกเมื่อปี 2009 และเพิ่มขึ้นอีกมากกว่าครึ่งหนึ่งจนถึงสิ้นปี 2017 มาอยู่ที่รวมแล้วกว่า 1.2 ล้านๆ ดอลลาร์