สกู๊ปพิเศษ : สดุดียอดหญิงไทยไปบอลโลก ….เธอคือ ‘วีรสตรีลูกหนัง’ (ภาพชุดประวัติศาสตร์)

ทัพนักเตะ “ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย จารึกประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ให้กับวงการฟุตบอลไทยอีกรอบหนึ่งแล้วด้วยการผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศส ในปีหน้า จากผลงานทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2018 ที่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน…

ทัพชบาแก้ว ลงทำศึกชิงแชมป์เอเชีย 2018 ภายใต้แรงกดดันกับความคาดหวังผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกอีกสมัยหลังจากเมื่อ 3 ปีก่อน พวกเธอทำสำเร็จมาแล้วด้วยผลงานคว้าอันดับ 5 ศึกชิงแชมป์เอเชีย 2014 ด้วยการเพลย์ออฟชิงตั๋วใบสุดท้าย เชือดชนะ “เจ้าภาพ” เวียดนาม 2-1

ครั้งนี้ทีมแข้งสาวไทยทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ศึกชิงแชมป์เอเชียได้เป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี พร้อมสร้างประวัติศาสตร์ผ่านไปเล่นฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลงานที่บ่งชี้ว่าดีกว่าครั้งก่อน

Advertisement

ศึกชิงแชมป์เอเชีย 2018 ทีมสาวไทยจับสลากอยู่กลุ่มเอ ร่วมกับ “เจ้าภาพ” จอร์แดน, จีน และ ฟิลิปปินส์ ซึ่งผลงานนัดแรกแม้จะพ่าย จีน ขาดลอย 0-4 แต่สามารถเรียกขวัญกำลังใจกลับมาในนัดที่สองด้วยการถล่ม จอร์แดน 6-1 และไล่อัด ฟิลิปปินส์ 3-1 คว้าตั๋วครั้งประวัติศาสตร์

ขณะเดียวกันทีมสาวไทยยังรับเงินอัดฉีดจาก “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม ซึ่งจะหาให้อย่างน้อย 20 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้มาจาก สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ 5 ล้าน รวมกับที่ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ประกาศก่อนเกมกับฟิลิปปินส์ว่า จะให้เงินรางวัลพิเศษประตูละ 1 ล้านบาท รวมเบื้องต้นตอนนี้ทีมสาวไทยรับเงินรางวัลอย่างน้อย 23 ล้านบาท

Advertisement

แต่เงินรางวัลอัดฉีดไม่สำคัญไปกว่าการได้ทำหน้าที่รับใช้ทีมชาติไทยของพวกเธอ นักเตะสาวไทยต่างมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างเต็มเปี่ยม และสวมหัวใจสู้เต็มที่จนถึงวินาทีสุดท้ายของแต่ละเกม ซึ่งต้องสดุดีในความความมุ่งมั่นทุ่มเทของพวกเธอที่ทุ่มเทหัวใจเกินร้อยเพื่อประเทศชาติ

จุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จของทีมฟุตบอลหญิงไทยในปัจจุบันต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคที่ทีมฟุตบอลหญิงไทยนำโดย “แดง” พันธิภา มิ่งขวัญ และ “หนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน เป็นนักเตะตัวหลัก ซึ่งได้สร้างสายเลือดใหม่ขึ้นมา เพื่อส่งเข้าร่วมฟุตบอลหญิงเยาวชน รุ่นไม่เกิน 20 ปีชิงแชมป์โลก เมื่อปี 2004 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ

จากจุดนั้นทำให้วงการฟุตบอลหญิงไทยเกิดการพัฒนา และสร้างนักเตะสาวไทยฝีเท้าดีขึ้นมาประดับวงการมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กัญญาวีร์ สุดเทวี, อนุศรา หมายเจริญ, สุภาภรณ์ แก้วแบน, ภาวิณี เนตรทิพย์, กิตติยา เที่ยงธรรม, นภัทร (จันทร์เพ็ญ) สีเสริม และคนอื่นๆ อีกมากมาย

กระทั่งเมื่อปี 2008 “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ ก้าวเข้ามาทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ก่อนวางแผนพัฒนาทีมเดินหน้าไล่ล่าความสำเร็จในซีเกมส์, ชิงแชมป์อาเซียน และชิงแชมป์เอเชีย มาอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2014 ถือเป็นยุคเริ่มต้นความสำเร็จของทีม “ชบาแก้ว” ซึ่งได้สร้างประวัติศาสตร์แรกตีตั๋วผ่านเข้าไปโม่แข้งรอบสุดท้ายฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2015 ที่แคนาดาได้สำเร็จเป็นสมัยแรก

ในสังเวียนเวิลด์คัพหนแรกพวกเธอยังเขย่าวงการลูกหนังโลกด้วยการคว้า 3 แต้มแรกจากเกมเฉือนชนะ ไอวอรีโคสต์ 3-2 รวมถึงยังต่อกรกับอดีตแชมป์โลก เยอรมนี และ นอร์เวย์ ได้อย่างไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรี ทำให้ช่วงเวลาต่อมาฟุตบอลหญิงไทยเกิดการตื่นตัว และพัฒนาชนิดก้าวกระโดด

มาถึงฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2018 ที่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ครั้งนี้ “ชบาแก้ว” สานต่อความสำเร็จตีตั๋วไปฟุตบอลโลก เป็นสมัยที่ 2 ด้วยการประกาศศักดิ์ศรีการเป็นทีมท็อป 4 ของเอเชียไปอย่างสง่างามหลังผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ

เหล่า “ชบาแก้ว” ชุดนี้เคยผ่านเวทีฟุตบอลโลกมาแล้วถึง 16 คน นำโดย “แนนซี่” สุนิสา สร้างไธสง แบ๊กซ้ายกัปตันทีม, “แอน” ดวงนภา ศรีตะลา, “เนตร” กาญจนา สังข์เงิน, “ทราย” วราภรณ์ บุญสิงห์, “หมิว” ศิลาวรรณ อินต๊ะมี, “ปิ่น” พิกุล เขื่อนเพ็ชร, “แหม่ม” อรมัย ศรีมะณี, “น้ำ” รัตติกาล ทองสมบัติ และคนอื่นๆ

รวมถึงยังมี 5 นักเตะสายเลือดใหม่ที่ดึงเข้ามาเสริม และโชว์ผลงานโดดเด่นอย่าง “มิรันด้า” สุชาวดี นิลธำรงค์ กองหน้าลูกครึ่งไทย-อเมริกัน วัย 21 ปี และแข้งน้องใหม่อย่าง ณัฐรุจา มุทนาเวช ผู้รักษาประตู, กาญจนาพร แสนคุณ กองหลัง, เสาวลักษณ์ เพ็งงาม ศูนย์หน้า และ “มิ้นท์” กัญญาณัฐ เชษฐบุตร นักเตะอายุน้อยที่สุดในทีมวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น

จากอดีตที่ “หนึ่งฤทัย” เป็นนักเตะแกนหลักทีมหญิงไทย กลายมาเป็น “โค้ชหนึ่ง” กุนซือคู่บุญของ “มาดามแป้ง” ที่ทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังเงิน ยกระดับทีมก้าวไปสู่เวทีโลก จนกลายเป็นโค้ช และผู้จัดการทีมที่สร้างประวัติศาสตร์ไปฟุตบอลโลก 2 สมัยติดต่อกัน

“โค้ชหนึ่ง” ระบุว่า ถือว่าทีมทำผลงานได้ตามเป้าหมาย ตอนแรกรู้สึกกดดันเหมือนกันกับความคาดหวังไปฟุตบอลโลก แต่สามารถทำสำเร็จแล้ว แต่เราต้องพัฒนาทีมก้าวขึ้นไปสู่ทีมชั้นนำของเอเชียต่อไป

“มาดามแป้ง” บอกว่า ครั้งนี้ถือเป็นความกดดันที่สุดตั้งแต่ทำหน้าที่ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงไทย 10 ปีที่ผ่านมา แต่รู้สึกดีใจที่สามารถพาทีมผ่านไปฟุตบอลโลกสมัยที่ 2 ติดต่อกัน แผนเตรียมทีมหลังจากนี้ต้องยอมรับว่า ทีมชุดนี้มีนักเตะอายุมากหลายคน ดังนั้นจะต้องเฟ้นหานักเตะหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพต่อไป

เส้นทางสู่เวิลด์คัพ 2019 ที่ฝรั่งเศส เริ่มต้นนับถอยหลังอีก 1 ปีนับจากนี้ ยังเหลือเวลาเตรียมทีมฟุตบอลหญิงไทยให้มีความแข็งแกร่งกว่าเดิมเพื่อไปอวดฝีเท้าให้โลกต้องตะลึงในความสามารถของยอดหญิงไทยอีกคำรบ

ขอสดุดีหัวใจให้กับของผู้เกี่ยวข้องทุกองคาพยพในทีม”ชบาแก้ว”

พวกเธอคือ วีรสตรีลูกหนังไทยที่ประวัติศาสตร์จะไม่มีวันลืมเลือน…!!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image