เพราะ ‘จังหวัดชิบะ-Chiba’ น่าเที่ยว เราจึงต้องไป!

การเดินทางคือ ความสุข และครั้งนี้ก็เช่นกัน “ญี่ปุ่น” ประเทศที่คนไทยเดินทางไปมากที่สุดประเทศหนึ่งก็ว่าได้ เพราะญี่ปุ่นมีหลายเมือง หลายมุมให้ค้นหา ทั้งโตเกียว เกียวโต โอซาก้า ฟุกูโอกะ หรือแม้แต่ฮอกไกโด ที่เลื่องชื่อ หากแต่ครั้งนี้เป้าหมายของการเดินทางคือ “จังหวัดชิบะ-Chiba” ตามคำเชิญของการท่องเที่ยวจังหวัดชิบะ ระหว่างวันที่ 7-11 มีนาคม 2561 ในลักษณะ FAM TRIP เป็นกลุ่มเล็กๆ ประกอบด้วย สื่อ บล็อกเกอร์ และบริษัทนำเที่ยว จากจังหวัดเชียงใหม่และกรุงเทพฯ รวม 7 คนเท่านั้น เพื่อเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่น่าสนใจ

คาซุโยชิ อิชิอิ หรืออิชิ ผู้ช่วยที่ปรึกษาแผนกส่งเสริมการท่องเที่ยว ฝ่ายการค้า อุตสาหกรรมและแรงงานจังหวัดชิบะ ผู้ประสานตลอดการเดินทาง บอกว่า แม้ว่า จ.ชิบะจะเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะจังหวัดที่อยู่ติดกับโตเกียวเพียงนิดเดียว เป็นที่ตั้งสนามบินนาริตะ และโตเกียวดิสนีย์แลนด์ รีสอร์ต ซึ่งแบ่งเป็นดิสนีย์แลนด์ และดิสนีย์ซี แต่เชื่อว่านักท่องเที่ยวอีกมากยังไม่เคยเดินทางไปสัมผัสแบบเจาะลึกกันอย่างจริงจังว่า ชิบะมีอะไรมากกว่าที่คิด

“ชิบะ” จังหวัดเล็กๆ น่ารัก ตั้งอยู่ในเขตคันโต เกาะฮนชู ติดกับโตเกียวทางทิศตะวันออก มีจุดเด่นคือ พื้นที่ติดทะเลและภูเขา ทำให้ชิบะได้ประโยชน์จากภูมิประเทศหลายทาง ด้วยสภาพอากาศแบบอบอุ่นชื้น คือ ชื้นในฤดูร้อน หนาวจัดในฤดูหนาว และฤดูฝน หรือสึยุ ที่สวยงามแตกต่างกัน ช่วงที่เราไป เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศยังหนาว 5 องศาเซลเซียส มีฝนตกลงมาบ้างในบางเวลา แต่กลับเพิ่มเสน่ห์ให้กับการเดินทางไปยังเมืองต่างๆ อย่างสนุก และสุขใจ

แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและใกล้สนามบินนาริตะมากที่สุด และมั่นใจเลยว่าคนไทยต้องชอบมากๆ นั่นคือ Chiba Perfectural Open Air Museum Boso no Mura หรือ Boso no Mura Museum House of cosplay เมืองซะกะเอะ สามารถเช่าชุดแต่งตัวตามใจชอบ มีตั้งแต่กิโมโนสวยๆ ทั้งแบบ town girl, yukata, young lady, hakama girl แบบครบเครื่อง หรือจะเลือกเป็นนินจา ซามูไร ได้หมด เสร็จแล้วออกไปเดินเล่นในหมู่บ้านโบราณ ประหนึ่งกำลังเดินอยู่ในฉากละครหรือภาพยนตร์ที่ย้อนเวลาไปในสมัยเอโดะ มีร้านจำหน่ายของที่ระลึก ร้านทำกระดาษ การทำเส้นโซบะ การทำมีด หรืออาวุธ ให้ชม พร้อมบันทึกภาพคู่กับ “ดอกซากุระ” สีชมพูบานสะพรั่งต้อนรับเป็นเมืองแรกของฤดูกาล โดยโปรแกรมนี้สามารถจองได้ที่เคาน์เตอร์ภายในสนามบินนาริตะ

Advertisement

และที่นักท่องเที่ยวชาวไทยไม่ควรพลาดนั่นคือ Koyama Farm แหล่งเก็บสตรอเบอรี่มากกว่า 15 สายพันธุ์ นอกจากจะมีผลโต สีแดงสด รสชาติยังยังอร่อยฝุดๆ สามารถเลือกเก็บ กิน ได้เต็มที่ ฟิน และอินไปทุกโรงเรือน ด้วยสภาพดินและอากาศที่ดี กลายเป็นมนต์เสน่ห์จากความหอมหวานของสตรอเบอรี่ที่นี่ จนได้ชื่อว่า “ชิบะเบอรี่” สายพันธุ์แท้ของ จ.ชิบะ โดยเฉพาะพันธุ์ “อคิฮิเมะ” ที่มีรสละมุน นุ่มนวล บางสายพันธุ์มีผิวสีแดงใสดั่งอัญมณี บางพันธุ์เข้มคล้ายสีทับทิม แตกต่างจากสายพันธุ์ที่เมืองไทยที่มีสีแดงส้ม รสเปรี้ยวอมหวาน และลูกเล็กกว่ามาก

โคยามะ เจ้าของ Koyama Farm บอกว่า สตรอเบอรี่ของฟาร์มมีความเด่นที่หวาน และมีกลิ่นหอมมาก ยืนยันได้จากกลิ่นที่หอมฟุ้งออกมาถึงด้านนอกโรงเรือน ส่วนการเพาะพันธุ์ถือเป็นเคล็ดลับที่เปิดเผยไม่ได้ และแต่ละสายพันธุ์มีความอร่อยแตกต่างกันตามความชอบ ใน 1 ปีจะปลูกและให้ผลผลิตระหว่างเดือนมกราคม-ต้นเดือนพฤษภาคม วันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะมีนักท่องเที่ยวมากันเยอะมากๆ

และเพื่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ทางฟาร์มจึงเตรียม “พี่ธิดา หรือพี่เขียว” สาวไทยภรรยาชาวญี่ปุ่นมาทำหน้าที่ เพียงแค่หลงไหลในรสชาติชิบะสตรอเบอรี่ ชนิดมาชิมทุกวันจนเจ้าของฟาร์มรับเป็นคนงาน ซึ่งพี่เขียวการันตีว่า “ไปชิมมาแล้วทุกฟาร์ม แต่ Koyama Farm ดีที่สุด ทั้งความอร่อย สด ของสตรอเบอรี่ทุกๆ ลูกที่เด็ดเองจากขั้ว…ไม่มา ไม่ได้เลย”

อีกทั้งชิบะยังได้ชื่อว่า เป็นแหล่งเกษตรกรรมอันดับ 2 ของญี่ปุ่น รองจาก จ.ฮอกไกโด จึงมี “ถั่ว” ที่มีขนาดใหญ่ มันอร่อย จากการสังเกตพืชผักหลายๆ ชนิด ทั้งแครอต กะหล่ำปลี ผักกาดหัว ล้วนแต่มีขนาดใหญ่ สด น่ากินมากๆ เรียกว่าเป็นสวรรค์ของคนชอบผักยิ่งนัก

โดยเฉพาะแง่เทคโนโลยี “ญี่ปุ่น” ยิ่งอยู่แถวหน้า โดย Umihotaru-อุมิโฮตารุ คือคำตอบ เพราะอุมิโฮตารุเป็นจุดแวะพักกลางทะเล หรือโตเกียวเบย์ อะควาไลน์-Tokyo Bay Aqua Line เป็นทางด่วนที่วิ่งเชื่อมระหว่างเมืองคาวาซากิ จ.คะนะกะวะ และเมืองคิซะระซุ จ.ชิบะ ซึ่งทุกสองปีจะมีการจัดงานวิ่งมาราธอนบนถนนสายนี้ เพื่อนำรายได้ไปทำการกุศล โดยปีนี้ตรงกับวันที่ 21 ตุลาคม 2561 นักวิ่งไทยก็ไปได้ แต่ต้องสมัครและจับสลากตามกติกา ด้วยจำกัดจำนวนนักวิ่ง

“อุมิโฮตารุ” ถูกล้อมรอบด้วยทะเล เป็นอาคาร 5 ชั้น โดยชั้น 1-3 เป็นลานจอดรถ ชั้น 4 กรุด้วยกระจกใส วันที่แวะไปฝนตก จึงมีนักท่องเที่ยวนั่งจิบกาแฟ ชิมเค้กซากุระชิฟฟ่อน นั่งชมวิวทะเลสวยๆ มีร้านจำหน่ายสินค้า ทั้งของฝาก ขนม ไอศกรีม มีจุดแช่เท้าด้วยน้ำอุ่นคลายหนาวฟรี ส่วนชั้น 5 เปิดโล่งให้สัมผัสลมแรง มีร้านอาหารให้เลือกนั่งเพลิดเพลิน ชมคลื่นและฝูงนกนางนวลที่บินโฉบหาเหยื่อกลางทะเลสีคราม

คืนแรกของการเยือน จ.ชิบะ เราต่างตื่นตาตื่นใจไปกับอาณาจักรแห่งแสงถึง 3 ล้านดวง Tokyo German Village บนเนื้อที่ 60,000 ตารางเมตร ซึ่งจะจัดในช่วงฤดูหนาวยาวไปถึงเดือนเมษายนของทุกปี นักท่องเที่ยวจะได้ชมแสงระยิบระยับของอุโมงค์สายรุ้ง ยาว 70 เมตร การแสดงไฟเคลื่อนไหวประกอบจังหวะเพลงเร้าใจ “Hikari to Oto no Show” และการแสดง 3 มิติเหมือนลอยอยู่บนพื้นหญ้า และหากมาในช่วงปลายเดือนมีนาคมเป็นต้นไป จะได้พบกับความตระการตาของสวนดอกไม้ “พิงค์มอส” สีชมพู ซึ่งจะบานสะพรั่งกลางหุบเขาก่อนสวนอื่นๆ ในแถบคันโต

และด้วย จ.ชิบะ อยู่ติดกับอ่าวโตเกียวและมหาสมุทรแปซิฟิก พื้นที่แถบนี้จึงทำประมงจนได้ชื่อว่าเป็นแหล่งจับล็อบสเตอร์ หรือกุ้งอิเสะ มากที่สุด ขณะเดียวกันก็มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอยู่บริเวณชายฝั่ง และไม่ควรพลาดที่จะพาครอบครัวตะลุยดินแดนแห่งท้องทะเล Kamogawa Seaworld เพื่อพบกับสัตว์น้ำมากมาย ทั้งภายในตัวอาคารและกลางแจ้งที่มาจากทะเลลึก อาทิ นกเพนกวิน ปลานีโม สิงโตทะเล พร้อมชมความน่ารักและแสนรู้ของฝูงโลมา แมวน้ำ และที่สร้างความตื่นเต้น รอยยิ้ม และเรียกเสียงฮือฮาได้ตลอดการโชว์ คือ การแสดงความสามารถของ “วาฬเพชฌฆาต” หนึ่งเดียวของญี่ปุ่น ความรักและผูกพันของสัตว์ตัวโตเท่าตึกกับพี่เลี้ยงตัวเล็กจ้อย โดยมีฉากหลังเป็นทัศนียภาพที่สวยงามของคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่ง

ยัง..ความสนุกในการมาเยือน จ.ชิบะ ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ด้วยการไปสุดมันส์กับการขี่รถโกคาร์ทเลียบชายหาด “Minami Boso Kart” ณ เมืองมินามิ โบโซะ ท่ามกลางลมหนาวและปรอยฝน การได้สวมใส่ชุดการ์ตูนตัวอ้วน ทั้งมิกกี้เมาส์ โดนัลดั๊ก ขับรถตามกันไปบนถนนก็ได้อารมณ์แบบเด็กๆ ไปอีกแบบ

ไฮไลต์ที่ชาวคณะเฝ้ารอหนีไม่พ้นฟาร์มเลี้ยงสัตว์แบบเปิด Mother Farm สิ่งแรกที่ทำคือ ไอศรีมหลากรสแสนอร่อย บันทึกภาพกลาง “ทุ่งดอกนาโนะฮานะ” หรือดอกกวางตุ้งสีเหลืองอร่าม ซึ่งกำลังบานอยู่ในช่วงนี้ พานให้นึกไปถึงมาม่าร้อนๆ ใส่ยอดอ่อนของดอกนาโนะฮานะลงไป คงจะกรอบอร่อยเสียนี่กระไร (ฮา) สถานที่แห่งนี้เปิดโอกาสให้เราได้ทักทายสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยน่ารักๆ มากมาย ชมการเดินแคตวอล์กของแพะและแกะ สัตว์หน้าตาแปลกอย่างอัลปาก้า การแสดงความสามารถของฝูงแกะ วัว และม้าแสนรู้ ซึ่งภายในฟาร์มยังมีกิจกรรมน่าสนุกอีกมากตามฤดูกาล แต่บอกได้ว่า “ที่นี่ถ่ายรูปสวย” จะมาแบบครอบครัวก็ดี หรือจะมากันแบบกลุ่มเพื่อนก็มันส์!

เรียกว่า อยากไปไหนใน จ.ชิบะ เขามีรถไฟ รถยนต์ ให้บริการถึงที่ แถมฟรีไวไฟแบบรถแวนที่เราใช้ในการเดินทางสำหรับทริปนี้

ภาคบ่ายของการเดินทางมีโอกาสได้ทำขนมของโปรดของโดราเอม่อน “โดรายากิ” ณ Yoneya Restaurant ซึ่งคนไทยเหมาะที่จะเข้าร่วมโปรแกรมนี้ เพราะเซ็นเซ หรืออาจารย์ที่สอนใจดีมาก! ทำให้หมดทุกอย่าง ทั้งการผสมแป้ง กวนถั่วแดง และผลไม้สดที่เป็นไส้ เรามีหน้าที่หยอดแป้งบนเตาและสอดไส้ เป็นอันจบ..อร่อยเลย

การเดินทางมาสำรวจแหล่งท่องเที่ยว จ.ชิบะครั้งนี้ มีโอกาสได้กราบพระขอพรในสองวัดสำคัญ นั่นคือ ก่อนออกจากเมืองมินามิ โบโซะ เราพากันไต่บันไดหินผ่านป่าสีเขียว ดงไม้ และสายน้ำตก ขึ้นไปกราบพระพุทธรูปหินแกะสลักองค์สูงใหญ่ 31 เมตร “วัดนิฮอนจิ-Nihonji” ซึ่งตั้งอยู่กลางหุบเขาทางทิศใต้ของภูเขาโนะโกะกิริยะมะ โดยพระพุทธรูปปางสมาธิที่เห็นตรงหน้า มีภาชนะบรรจุยาอยู่ในมือซ้าย มีการแกะสลักพระพุทธรูปอีก 7 องค์ล้อมรอบ ประหนึ่งคำสอนของพระศาสดาที่ว่า “มรรคมีองค์ 8” ตำนานเล่าขานว่าเป็นพระพุทธเจ้าแห่งการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ หากได้อาบน้ำจากภาชนะหินจะช่วยรักษาโรคได้ บริเวณโดบรอบสงบเย็นสมกับที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนา ดอกซากุระสีขาว เหล่าดอกไม้สีชมพู และใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีรับแสงตะวันที่สาดส่อง สามารถมองลงมาเห็นวิวภูเขาฟูจิและอ่าวโตเกียว

ส่วนวัดที่สอง คือ “วัดนาริตะซัง-Naritasan” อายุ 1,080 ปี โดยเดินไปจาก Yoneya Restaurant ไม่เกิน 5 นาที เป็นวัดที่อยู่ใกล้สนามบินนาริตะมากที่สุด สวยงามตั้งแต่ประตูใหญ่บริเวณทางเข้าจนอดใจที่จะบันทึกภาพไว้ไม่ได้ เพราะงดงามกว่าหลายๆ วัดที่เคยเห็นในญี่ปุ่น วิหารกลางใหญ่อลังการ ในขณะที่เจดีย์สามชั้นและบริเวณโดยรอบมองดูขรึมขลัง วัดนาริตะซังขึ้นชื่อในความศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะการขอพรให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอุบัติเหตุ และขอพรด้านความรักและการงานต่างๆ และที่ไม่ควรพลาดโอกาสคือ การเดินเล่นชมสวนดอกไม้ขนาดใหญ่รอบวัด เพราะช่วงนี้ดอกบ๊วยและซากุระกำลังเบ่งบานเต็มที่

หากจะพูดถึงเรื่องอาหารการกิน ร้านอาหารญี่ปุ่น อายุ 121 ปี “TAKARAYA” ในเมือง KIZARAZU ซึ่งให้บริการอาหารแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมใน 4 ฤดูกาล เสิร์ฟมาในแบบ..ทะเลพบเจอภูเขา มีทั้งกุ้ง สาหร่าย หอยลาย ปลาตาเดียว และดอกไม้จากป่า เจ้าของร้านทั้งคุณแม่ ลูกสาว ลูกชาย หน้าตาดีกันหมด พลอยทำให้รสชาติอาหารมื้อนั้นดีไปด้วยอัธยาศัยที่งดงาม ส่วนสไตล์ปิ้งย่างเนื้อวัวและเนื้อหมูในสไตล์ Wagyu ก็สดอร่อยจนลืมไม่ลง เมื่อจิบเหล้าบ๊วยตามไปนิดหน่อย (ฮา) ปิดท้ายด้วยการแช่ออนเซ็นในที่พัก ก็จบวันที่แสนงามอย่างลงตัว

แต่หากเป็นอาหารในโรงแรมคุณภาพระดับสูง “Okura Akademia Park” ซึ่งเป็นที่พักในครั้งนี้ ถือว่าสุดยอดด้วยตำรับอาหารญี่ปุ่น เพราะอยู่ในเครือโรงแรม Okura โรงแรมที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น ในขณะที่อาหารในโรงแรม “Marroad International Hotel Narita” ที่พักในคืนสุดท้ายใกล้สนามบินนั้นก็มีชื่อติดอันดับ เพราะสามารถนำอาหารทะเลทั้งกุ้งและปูเนื้อแน่นๆ มาผสมผสานในสไตล์จีนได้อย่างเลิศหรู

ส่วนแหล่งช้อปปิ้งนั้น จ.ชิบะก็มีให้เลือกมากมายตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มีทั้งขนมขึ้นชื่อของแต่ละเมือง เช่น ขนมขอนไม้ ชีสเค้ก คุกกี้ไส้ถั่ว ไส้ลูกบิวะ ผลไม้ประจำถิ่นของชิบะ ไดฟุกุไส้สตรอเบอรี่ และซากุระ ซึ่งแนะนำว่าเจอแล้วชอบให้ซื้อเลย เพราะไปย่านอื่นจะไม่เจออีก ส่วนย่านช้อปปิ้งใกล้ๆ สนามบินนาริตะมีทั้ง Aeon, Don Quijote, Gu หรือแม้แต่ใน 7-11 ก็มีขนมอร่อยหลายอย่าง บรรจุห่อสวยงามตามฤดูกาล ซึ่งในช่วงนี้คือ “ดอกซากุระ” เป็นหลัก

และที่ไม่ควรลืมคือ สินค้าที่เป็นสัญลักษณ์ หรือตัวแมสคอตของ จ.ชิบะ “ชิบะคุง” ที่มาจากรูปแผนที่จังหวัด ตัวสีแดง จมูกแหลมสีดำ หน้าตาน่าเอ็นดู เป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใน จ.ชิบะ มีความใฝ่เรียนรู้ ชอบความท้าทาย กล้าหาญ ตื่นเต้นเมื่อพบสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ

เพราะ “จังหวัดชิบะ” น่าเที่ยว เราจึงต้องไป!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image