บทเรียน พรรคทหาร เสรีมนังคศิลา สามัคคีธรรม มาถึง “พรรค คสช.”

เห็นลักษณาการก่อรูปขึ้นของ “พรรค คสช.” แล้ว บางคนอาจนึกไกลไปถึงพรรคเสรีมนังคศิลาในยุค จอมพล ป.พิบูลสงคราม

บางคนอาจนึกถึงพรรคชาติสังคม

บางคนอาจนึกถึงพรรคสหประชาไทยในยุค จอมพล ถ.กิตติขจร บางคนอาจนึกถึงพรรคสามัคคีธรรมในยุค พล.อ.ส. คราประยูร

ทั้งๆ ที่ในทำเนียบอุดมไปด้วย “คนยุคหลัง”

Advertisement

เป็นคนยุคหลังที่เติบใหญ่มาพร้อมกับความคิด “เสรีนิยม” ดื่มด่ำอยู่กับกระบวนการทาง “การตลาด” มีความเข้าใจต่อยุค “โลกานุวัตร”

ปากก็เอ่ยถึง “ไทยแลนด์ 4.0” หรือ “เศรษฐกิจดิจิทัล”

แล้วเหตุใดพอลงมือปฏิบัติ ลงมือแปร “ทำเนียบรัฐบาล” เพื่อรวมศูนย์กำลังจัดตั้งพรรคการเมืองจึงกลับเป็นเงาสะท้อนแห่งไดโนเสาร์ เต่าพันปี

Advertisement

ย้อนกลับไปสู่ “ไทยแลนด์ 0.4”

ไม่ว่าจะมองผ่านหลักการแห่ง “สภาวธรรม” ตามกระสวนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะมองผ่านหลักการแห่ง “สิ่งแวดล้อม” ตามทฤษฎีสังคมวิทยาสมัยใหม่

คำตอบอยู่ที่ “วิถี” แห่งการดำรงอยู่

ยุค จอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็มีคนอย่าง นายสังข์ พัธโนทัย มิใช่หรือ แล้วทำไมจึงร่วมอยู่กับพรรคเสรีมนังคศิลาราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน

ยุค จอมพล ส.ธนะรัชต์ ก็มีคนอย่าง นายสุกิจ นิมมานเหมินทร์ มิใช่หรือ แล้วทำไมจึงร่วมอยู่กับพรรคชาติสังคมราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน

ยุค จอมพล ถ.กิตติขจร ก็มีคนอย่าง พล.ท.แสวง เสนาณรงค์ ซึ่งสามารถต่อสายไปยัง นายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ได้ แล้วทำไมจึงอยู่ร่วมกับพรรคสหประชาไทยราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน

ยุค พล.อ.ส. คราประยูร ก็มีคนอย่าง นายทินพันธุ์ นาคะตะ ซึ่งเจนจบอย่างยิ่งในปรัชญาการเมืองแล้วทำไมจึงยินยอมให้เกิดพรรคสามัคคีธรรมขึ้นมา

เหมือนกับจะรู้ แต่เมื่อถึงตอนจบก็เท่ากับไม่รู้

วิถีดำเนินของพรรคเสรีมนังคศิลาเป็นอย่างไร คำตอบที่อื้อฉาวอย่างยิ่งคือการเลือกตั้งสกปรก แล้วก็ลงเอยด้วยรัฐประหาร

จอมพล ป.พิบูลสงคราม ต้องหนี

พรรคชาติสังคมอาจตกปลาในหนองเพราะกำเนิดขึ้นหลังการเลือกตั้งเดือนธันวาคม 2500 แต่ก็ลงเอยด้วยการรัฐประหารตัวเองในเดือนตุลาคม 2501

พรรคสหประชาไทยก็ลงเอยด้วยการรัฐประหารตนเองในเดือนพฤศจิกายน 2514

แล้วในเดือนตุลาคม 2516 อีก 2 ปีต่อมา ทั้ง จอมพล ถ.กิตติขจร และ จอมพล ป.จารุเสถียร ก็ถูกขับไล่ออกจากตำแหน่ง

พรรคสามัคคีธรรมในปี 2535 เป็นอย่างไร

พล.อ.ส. คราประยูร อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยระยะเวลาอันสั้นก็จำเป็นต้องยื่นใบลาออกแล้วก็เงียบหายไปจากการเมือง

เพราะ “ชาวบ้าน” เขาประท้วง เขาขับไล่

ตอนที่ให้กำเนิดพรรคเสรีมนังคศิลา ตอนที่ให้กำเนิดพรรคชาติสังคม ตอนที่ให้กำเนิดพรรคสหประชาไทยและตอนที่ให้กำเนิดพรรคสามัคคี

ต่างมองเห็นความรุ่งเรือง มั่นคง

เพราะว่าเป็นการมองบนฐานแห่งอำนาจอันแข็งแกร่ง ที่มีปากกระบอกปืนค้ำยัน แต่เมื่อประสบกับความเป็นจริงในทางการเมืองก็กลายเป็นอีกอย่าง

ประวัติศาสตร์มี “บทเรียน” แต่ก็ไม่ยอม “ศึกษา”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image