สุดโหด! หนุ่มไลฟ์สดซ้อมแฟนสาวจนเละ-น่วมทั้งตัว

เพจแหม่มโพธิ์ดำได้เผยแพร่คลิปเรื่องราวที่หญิงสาวคนหนึ่งถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายจนใบหน้าบวมปูด และเขียวช้ำไปทั้งตัว โดยคลิปดังกล่าวเป็นการไลฟ์สดจากห้องพักหรือคอนโดแห่งหนึ่ง รายละเอียดภายในคลิปฝ่ายชายเป็นผู้ไลฟ์ภาพหญิงสาวที่อยู่ในสภาพถูกซ้อมและทำร้ายจนใบหน้าบวมปูด และชายคนดังกล่าวยังพูดในลักษณะที่วกวนไปมา พร้อมกับบังคับให้แฟนสาวในคลิปพูดตอบคำถาม และบังคับให้หญิงสาวทำร้ายตัวเองด้วยการตบหน้าด้วย

เพจแหม่มโพธิ์ดำระบุว่า แอดมินเพจแห่งหนึ่งได้ไลฟ์สดทำร้ายขู่ฆ่าผู้หญิง น่ากลัวและโหดมาก ใครรู้จักคอนโด ช่วยแจ้งตำรวจไปช่วยที สี่ห้าคลิปแล้ว รัวเลย เกิดจากอะไรไม่รู้ แต่ที่ทำมันแย่มาก ขอให้มีคนไปช่วยทัน

หลังคลิปดังกล่าวเผยแพร่ไป มีชาวเน็ตพยายามช่วยตามหาที่พักและที่เกิดเหตุภายในคลิป หลังช่วยเหลือหญิงสาวที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บ

Advertisement

ต่อมา เวลา 16.00 น. มีผู้แจ้งว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในห้องพักคอนโดลุมพินีปาร์ค อาคารบี 1 ชั้น 13 ระหว่างซอยนวมินทร์ 36-38 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม ตำรวจจึงรุดไปที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารนิติบุคคล ชั้น 13 ห้องเลขที่ 454/234 พบว่าประตูห้องปิดล็อก ได้ยินเสียงชาย-หญิงทะเลาะกันอยู่ภายในห้อง จึงได้เกลี้ยกล่อมเจรจาและขอให้ทางแฟนหนุ่มอนุญาตให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปปฐมพยาบาลแฟนสาว ให้หยุดทำร้ายและเปิดประตู ซึ่งก็เป็นผล ทางแฟนหนุ่มได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปได้เพียง 1 คน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เหลือยืนรอและสังเกตการณ์อยู่ด้านนอก พยายามเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง จึงยอมปล่อยให้หญิงสาวออกมา ทราบชื่อ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า ศีรษะ และมือขวา เจ้าหน้ามูลนิธินำส่ง รพ.นพรัตนราชธานี จากนั้นเวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวคนทำร้ายร่างกาย ทราบชื่อนายชัยชนะ ศิริชาติ อายุ 26 ปี ไปสอบสวนที่ สน.บึงกุ่ม ท่ามกลางประชาชนไทยมุงที่เฝ้าดูเหตุการณ์

อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่เจ้าหน้าที่สามารถเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและควบคุมตัวนายชัยชนะไว้ได้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าไปในห้องคนแรกที่ทำการเจรจากับนายชัยชนะเปิดเผยว่า “ตอนแรกผู้ชายจะพาผู้หญิงไปโรงพยาบาลเอง เพราะไม่อยากให้พบปะผู้คนเยอะๆ ตนพยายามเกลี้ยกล่อม แต่เขาไม่ยอม จนนาทีสุดท้ายที่เปิดประตู เขาก็ทำใจว่าต้องโดนจับกุมเลยยอมแต่โดยดี พอเขาได้คุยกับเจ้าหน้าที่อารมณ์ก็เย็นลง แต่มีโมโหบ้างบางจังหวะ

ส่วนผู้บาดเจ็บมีบาดแผลบริเวณศีรษะ ใบหน้า และบริเวณนิ้วมือข้างขวา ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากของมีคม แต่ไม่ถูกตัดขาด ซึ่งจากการสอบถามผู้ก่อเหตุ ทราบว่าสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องชู้สาว แต่อย่างไรก็ตาม ขณะที่ตนเองอยู่ภายในห้อง ผู้ก่อเหตุมีท่าทีห่วงใยและรักผู้บาดเจ็บมาก

กลางดึก เวลา 23.00 น. วันที่ 22 เมษายน 2561 ที่ สน.บึงกุ่ม พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ฐานะโฆษก ตร. เดินทางมาติดตามคดี พร้อมกับสอบปากคำนายชัยชนะผู้ต้องหาด้วยตนเอง โดยใช้เวลากว่า 30 นาที

พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถสอบปากคำนายชัยชนะได้ เนื่องจากผลตรวจสารเสพติดในร่างกายพบว่ามีสารแอมเฟตามีนหรือยาบ้าในร่างกาย และผู้ต้องหายังอยู่ในอาการเมายาบ้า พูดจาไม่รู้เรื่อง ได้แต่ร้องไห้ จึงต้องนำตัวไปควบคุมขังไว้ เพื่อรอให้ฤทธิ์ยาหมดเสียก่อน

รวมถึงการสอบปากคำผู้บาดเจ็บที่พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.นพรัตนราชธานีก็ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากแพทย์อยู่ระหว่างรอดูอาการ คาดว่าในวันที่ 23 เมษายน แพทย์จึงจะสามารถระบุได้ว่ามีอาการบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหานายชัยชนะไว้ 4 ข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ, กักขังหน่วงเหนี่ยว, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ปรากฏภาพผู้อื่นอันจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหรืออับอาย และ เสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) จากการตรวจสอบประวัตินายชัยชนะนั้นยังเคยต้องโทษในคดีลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในท้องที่ สน.บึงกุ่ม เมื่อปี 2548 ด้วย

ล่าสุด เช้าวันที่ 23 เมษายน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า นายเอ็มผู้ต้องหาได้คบหาเป็นแฟนกับผู้เสียหาย และพักอาศัยอยู่ด้วยกันที่คอนโด ต่อมาผู้ต้องหาทราบว่าผู้เสียหายมีผู้ชายอื่นมาติดพันและทำตัวห่างเหิน จึงได้ใช้กำลังบังคับ ข่มขู่ ไม่ให้ออกจากห้องพักที่เกิดเหตุ

จากนั้นผู้ต้องหาได้ใช้ไม้กวาดและไดร์นวดหน้าไฟฟ้าฟาด ทุบ ตี ทำร้ายที่ใบหน้า ศีรษะ และตามร่างกายผู้เสียหายหลายครั้ง โดยขณะลงมือทำร้ายผู้ต้องหาให้ผู้เสียหายใช้โทรศัพท์ของผู้ต้องหาถ่ายคลิปขณะถูกทำร้าย แล้วไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กของผู้ต้องหา กระทั่งพี่สาวของผู้เสียหายทราบจากการดูผ่านเฟซบุ๊กดังกล่าว

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่นโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียงหรือได้รับความเสียหาย และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

รองโฆษก ตร.กล่าวอีกว่า คดีนี้เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เป็นการใช้ความรุนแรงต่อเพศตรงข้าม และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับประชาชน นอกจากจะมีความผิดตามมูลฐานความผิดข้างต้นเเล้ว การนำคลิปที่มีการทำร้ายร่างกายไปเผยแพร่พร้อมข้อความหยาบคาย เป็นการใส่ความที่น่าจะเกิดความเสียหาย ยังอาจจะมีความผิด ป.อาญา มาตรา 326 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท และเป็นการหมิ่นด้วยการโฆษณาเข้าสู่ระบบโซเชียล มาตรา 328 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image