วันที่ 23 เมษายน นายสัตวแพทย์(นสพ.)ภัทรพล มณีอ่อน สัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า เมื่อปี 2560 มีช้างป่าตัวเมีย ในพื้นที่แก่งหางแมว จ.จันทบุรี พื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังที่เคยเอาขวดน้ำกรดที่อยู่สวนยางมาราดใส่หัวตัวเอง เพราะคิดว่าเป็นน้ำ ทำให้เกิดบาดแผลอักเสบหลุดลอกและติดเชื้อ และมีอาการเจ็บปวด ปวดแสบปวดร้อนทุรนทุรายอย่างยิ่ง โดยในตอนนั้น ทีมสัตวแพทย์ในพื้นที่ ทำห้องพยาบาลให้เพื่อหวังให้ช้างเข้าไปรักษาพยาบาลเอง โดยการประสานกับชาวบ้านในพื้นที่ทำโป่งเกลือ และขุดบ่อน้ำ
สภาพเดิมเมื่อปี 2560
“เราอยากให้เจ้าช้างรักษาตัวเองโดยใช้ยาตามธรรมชาติ ซึ่งเขาจะเอากิ่งไม้จากพืชบางชนิดที่เป็นสมุนไพร มาตี มานวดบนบาดแผล รวมทั้งเอาดินมาพ่นใส่แผลเพื่อรักษาตัวเอง เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด ในตอนนั้นเราคาดการว่า หากเขาใช้ดินที่มีอยู่แต่เดิม พ่นลงไปตามบาดแผล ดินอาจจะมีเชื้อโรค ทำให้แผลอักเสบ ติดเชื้อมากขึ้น จึงประสานกับชาวบ้านในพื้นที่ช่วยกันทำโป่งเกลือ และขุดอ่างน้ำ ซึ่งเกลือจะมีสรรพคุณรักษาแผล ไล่หนอน ไล่แมลง ฆ่าเชื้อ ซึ่งเจ้าช้างก็ไปใช้บริการโป่งเกลือที่เราทำเอาไว้และรักษาตัวเองจนหายสนิทแล้ว”นสพ.ภัทรพล กล่าว
นสพ.ภัทรพล กล่าวว่า วันนี้ ชาวบ้านหลายคนเห็นช้างตัวเดิม ที่เคยมีบาดแผลรุ่งริ่งเพราะพิษน้ำกรด แต่ตอนนี้บาดแผลตามเนื้อตัวดังกล่าวหายดีแล้ว ที่น่าดีใจคือ เจ้าช้างตัวนี้ยังปรากฏตัวพร้อมกับลูกน้อย วัยกำลังน่ารักอีก 1 ตัว คลอเคลียอยู่ไม่ห่างแม่ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก
นสพ.ภัทรพล กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้หน้าร้อน ชาวเกษตรกรสวนยางหรือสวนผลไม้ ควรจะเก็บขวดน้ำกรดหรือขวดสารเคมีให้มิดชิดมิฉะนั้นแล้ว ช้างป่าไม่รู้ นึกว่าเป็นน้ำ เอามารดตัวคลายร้อน เหมือนช้างตัวนี้อีกก็ได้
