หนุ่มว่างงานขี่จยย.วิ่งราวสร้อยทอง หลายท้องที่ ดูวันถูกโฉลกก่อนลงมือ

พล.ต.ต.กัมปนาท โสภโณดร ผบก.น.9 พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง รอง ผบก.น.9 และ พ.ต.อ.อนุรักษ์ ยศประสิทธิ์ ผกก.สน.หลักสอง นำกำลังฝ่ายสืบสวน สน.หลักสอง จับกุมตัว นายเอกรัตน์ หรือกอล์ฟ พันธะวงศ์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 299 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 316/2561 ลงวันที่ 24 เม.ย.61 ข้อหาวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ พร้อมของกลาง รถ จยย.ฮอนด้า รุ่นคลิ๊กไอ สีขาว ทะเบียน 4 กศ 1418 กรุงเทพมหานคร ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน พระเลี่ยมทอง 2 องค์ หยกจับขอบทอง 1 อัน เหรียญพระเกจิ 1 เหรียญ เสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ 1 ชุด และหมวกนิรภัย 1 ใบ โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านญาติของผู้ต้องหาเลขที่ 188/236 หมู่บ้านวีมิกซ์ ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

พล.ต.ต.กัมปนาท กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากในห้วง 2 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ช่วง มี.ค.จนถึงปัจจุบัน เกิดเหตุคนร้าย รูปพรรณผอมสูง ใช้ รถ จยย.แบบผู้หญิงสีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ออกตะเวนก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์สร้อยคอทองคำเหยื่อผู้หญิง หลายรายในพื้นที่ฝั่งธนบุรี โดยผู้ต้องหาจะเลือกลงมือในช่วงเช้าตรู่ไม่เกิน 09.00 น. เฉพาะวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันอาทิตย์ ทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่ได้ไปจะเป็นสร้อยคอทองคำและพระเลี่ยมทอง จากแนวทางการสืบสวนของชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ชัยพันธุ์ เพ็ชรสดศิลป์ รอง ผกก.สส.สน.หลักสอง พบภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ละแวกจุดเกิดเหตุหลายแห่ง กระทั่งสามารถนำไปสู่การออกหมายจับและจับกุมตัว นายเอกรัตน์ คนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีเอาไว้ได้ในที่สุด

จากการสอบสวน นายเอกรัตน์ ยอมรับว่า ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง เคยถูกตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ จับกุมข้อหาวิ่งราวทรัพย์มาแล้ว 1 ครั้ง ติดคุกอยู่นาน 8 ปี 2 เดือน เพิ่งพ้นโทษเมื่อเดือน พ.ย.60 พอพ้นโทษออกมาก็ไม่รู้จะทำงานอะไร จึงเลือกวางแผนตระเวนขี่ รถ จยย.แบบบินเดี่ยวตามประกบวิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหายหญิงสาว ที่ขับขี่หรือซ้อนท้าย รถ จยย.ผ่านไปมาตามจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม นำสร้อยทองรูปพรรณที่กระชากมาได้ไปขายตามร้านรับซื้อเศษทอง เงิน นาค ย่านวงเวียนใหญ่ นำเงินมาใช้จ่ายประจำวันกับแฟนสาว ส่วนที่เลือกก่อเหตุเฉพาะวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันอาทิตย์ เพราะเห็นว่าถูกโฉลกกับดวงตัวเองดี ก่อเหตุสำเร็จและรอดจากการถูกจับกุมมาทุกครั้ง โดยตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ตนลงมือสำเร็จไปแล้ว 8 ครั้ง ในหลายท้องที่ ไม่คิดว่าตำรวจจะตามมาจับกุมได้เพราะพยายามแต่งกายมิดชิดและถอดแผ่นป้ายทะเบียน รถ จยย.ออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลการลงมือก่อเหตุของ นายเอกรัตน์ พบเคยกระชากสร้อยคอทองคำเหยื่อมาแล้ว 8 คดี ในท้องที่ สน.หลักสอง สน.ภาษีเจริญ สน.เพชรเกษม สน.ตลิ่งชัน และ สน.บางเสาธง โดยเฉพาะคดีที่ สน.บางเสาธง ก่อเหตุบริเวณถนนบางแวก ปากซอย 110 ได้ทรัพย์สินเป็นทองรูปพรรณหนัก 1 บาท พร้อมหยกจับขอบทอง 1 อัน แต่ระหว่างที่ น.ส.ลดาวัน ชัยรัตน์ อายุ 28 ปี ผู้เสียหายเจ้าของทรัพย์สิน พยายามขับขี่ รถ จยย.เร่งเครื่องติดตามคนร้ายรายนี้ แต่เกิดอุบัติเหตุรถล้มเสียหลักร่างตัวเองไถลข้ามเลนไปถูกรถแท็กซี่ซึ่งแล่นสวนมาทับเสียชีวิต โดยขณะนี้ได้ประสานกับพนักงานสอบสวน สน.บางเสาธง ให้เดินทางมาอายัดตัวแล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากนี้กำลังให้พนักงานสอบสวนดำเนินการในส่วนของร้านรับซื้อเศษ ทอง เงิน นาค ที่รับซื้อของกลางจากคนร้ายรายนี้ทุกครั้ง ว่า ได้มีการขอบันทึกข้อมูลบัตรประชาชนเพื่อตรวจสอบประวัติผู้ขายตามระเบียบการรับซื้อของเก่าหรือไม่ หากไม่มีการบันทึกก็จะดำเนินการเชิญตัวเจ้าของร้านมาแจ้งข้อหารับของโจรด้วยต่อไป

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image