เจ้าอาวาสวัดศรนครารามแจงเหตุติดชื่อถูกปปช.สอบ-ระบุเบิกเงิน10ล.ส่งคืนทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 25 เมษายน ได้เดินทางไปที่ วัดศรีนคราราม บ้านดงเมือง ต.กุมภวาปี อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี 1 ใน 7 วัด ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) นำสำนวนคดีเงินทอนวัดล็อต 3 ส่งมอบให้ สนง.คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบกับพระโสภณพุทธิธาดา เจ้าอาวาสวัดศรีนคราราม และรองเจ้าคณะ จ.อุดรธานี (มหานิกาย) ที่กุฏิเจ้าอาวาส อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องที่ บก.ปปป.ลงพื้นที่ตรวจสอบ การโอนเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม ประมาณ 10 ล้านบาท เมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา

พระโสภณพุทธิธาดา เปิดเผยว่า บก.ปปป. มาตรวจสอบที่วัดศรีนคราราม ตามเงินที่สำนักพระพุทธศาสนา จากส่วนกลางโอนเข้ามายังวัด เพื่อมาหาข้อมูลว่า เมื่อเงินเข้ามาแล้ว นำไปทำอะไร มีโครงการที่ขอไปทางสำนักพุทธฯหรือไม่ แล้วได้ทำอะไรอย่างไรกับเงินที่โอนเข้ามา ก็ได้ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริงว่า มีการแจ้งการโอนเงินเข้ามา และตรวจสอบมีการโอนจริง ซึ่งเป็นเงินจำนวนสูงมาก จึงนัดกรรมการสถานศึกษาประชุม เห็นว่าเราไม่ได้เสนอโครงการ หรือขอเงินในส่วนนี้มา ให้ส่งเงินคืนเพื่อไปจัดการศึกษาวัดอื่น

“หลังจากนั้น 2-3 วัน ก็ไปเบิกเงินสด 10 ล้านบาท จากธนาคารกรุงไทยนำส่งคืนสำนักพุทธฯ โดยให้คนขับรถพาไปส่งคืนที่กรุงเทพฯ พร้อมกับกรรมการสถานศึกษา 1 คน ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีการทำเอกสารนำส่ง หรือถ่ายภาพการนำส่ง คนที่รับเงินวันนั้นก็น่าจะเกษียณไปแล้ว เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนกรรมการฯทั้ง 4 ท่าน ตรวจสอบเอกสารการเงิน บัญชีของวัด พระ และกรรมการ ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร โดยยึดเอกสารไปเป็นหลักฐาน ” พระโสภณพุทธิธาดา กล่าว

พระโสภณพุทธิธาดา กล่าวอีกว่า นำเงินไปคืนทั้งหมดเพราะบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้นำเงินนี้ไปใช้ในส่วนอื่นเลย เพราะไม่ใช่เงินของเรา แล้วเราก็ไม่ประสงค์จะเอาเงินของเขา เราไม่มีโครงการ ไม่มีแผนงาน เขาจะเอาเงินไปทำอะไรต่อก็ไม่รู้ ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะผ่านมา 5-6 ปีแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นมาก็ไม่มีการโอนเงินอะไรมาให้อีก อีกทั้งวัดก็ไม่เคยขออะไรไป จะสร้างอะไรก็ใช้เงินจากที่ญาติโยมมาบริจาค หรือออกไปเทศน์ ทำกฐิน ผ้าป่า เท่านั้น ไม่มีก็ติดค้างไว้ก่อน

Advertisement

พระโสภณพุทธิธาดา กล่าวต่อว่า ข่าวออกมามีชื่อวัดวัดศรีนครารามด้วย คิดว่าไม่เป็นไร เพราะมีการตรวจสอบแล้ว และระบุว่าเพื่อให้เป็นพยาน เพื่อจะสืบสาวเรื่องไปถึงผู้ที่ทุจริต เพราะวัดไม่ได้ทุจริต พระไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งเขาจะทำโครงการอะไรมาพระก็ไม่รู้เรื่องกับเขา เราก็อยู่ที่วัดเรา เมื่อส่งเงินคืนก็คิดว่าเรื่องจบไปแล้ว มันก็มามีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา ที่เขาขึ้นรายชื่อวัดนี้ ก็คือมันอยู่ในข่ายของเขา ที่มาสอบไปแล้วว่า เมื่อได้เงินไปแล้ว นำไปทำอะไร ก็ได้ให้ข้อมูลไปหมดแล้ว

“ ตอนที่เขาโทรศัพท์มาบอก มีเงินโอนเข้ามาให้ 1 ล้านบาท ก็ตกใจเพราะไม่เคยโอนมามากขนาดนี้ ปกติโรงเรียนพระปริยัติธรรม จะรับโอนเงินผ่านสำนักพระพุทธศาสนาอุดรธานี ประมาณเดือนละ 260,000 บาท ตามจำนวนนักเรียนสามเณรที่มาเรียนประมาณ 127 รูป โดยเรียนระดับขั้น ม.1-6 เป็นค่าตอบแทนครู ค่าภัตราหาร ค่าน้ำค่าไฟ ค่าวัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอน ทำให้คณะกรรมการสถานศึกษาให้คืนเงินจำนวนนี้ ” พระโสภณสุทธิธาดากล่าว

พระโสภณสุทธิธาดา กล่าวว่า ไม่หนักใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของเรา ๆไม่ได้เอา จะทำอย่างไรก็แล้วแต่กระบวนการ ให้เขาว่ากันไป ทุกอย่างบริสุทธิ์ใจ นี่คือความสบายใจ ถ้าปกติก็คงจะเครียด ซึ่งก็ไม่เจอเหตุแบบนี้มาก่อน แล้วก็ไม่ได้ติดใจอะไร สิ่งนี้ถือว่าเป็นบทเรียน ซึ่งต่อไปก็จะได้บอกเพื่อนพระต่าง ๆ ว่า อย่าไปนำเงินที่ไม่ได้ขอหรือเงินอื่น ๆ มาทำแบบนี้ มีข่าวออกมา ก็มีเพื่อนพระ ลูกศิษย์ลูกหาโทรมาถาม ก็บอกว่าไม่มีอะไร เขาก็มาตรวจสอบตามหน้าที่ แต่ถ้าตอนนี้เราเอาเงินนี้ไปใช้ นั่นหละถึงจะผิด มีทุกข์ขึ้นมา ขาหนึ่งก็ก้าวเข้าคุกไปแล้ว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image