การนำเอาประเด็น “การดูด” ไปพูดผ่านรายการ”ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าเป็น “จุดตัด” อย่างสำคัญในทางการเมือง
เมื่อได้ออกมายอมรับ
“การดูดมีมายาวนานแล้ว ไม่ใช่มาบอกแค่คสช.ดูด การดูดกันมันมีทุกพรรคมายาวนานแล้ว เป็นครรลองของประชาธิปไตยของไทย”
เท่ากับเป็นการยอมรับ เท่ากับเป็นการยืนยันในทิศทางทางการเมืองของ “คสช.”
ผ่าน”ศาสตร์พระราชา” โดย”หัวหน้าคสช.”
นับจากบัดนี้เป็นต้นไปกระบวนการใน”การดูด”ก็มีความชอบธรรม อย่างน้อยก็ในสายตาของ”หัวหน้ารัฐบาล”
คำยืนยันจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ว่า การดูดเป็นครรลอง ของประชาธิปไตยของไทย
ความหมายย่อมหมายความว่า
ประชาธิปไตย”แบบไทย” ก็คือ ประชาธิปไตยอันสะท้อนถึงการดูดในทางการเมือง
ในเมื่อพรรคเสรีมนังคศิลาก็ทำเช่นนี้
ในเมื่อพรรคชาติสังคมก็ทำเช่นนี้ ในเมื่อพรรคสหประชาไทยก็ทำเช่นนี้ ในเมื่อพรรคสามัคคีธรรมก็ทำเช่นนี้
แล้วจะห้ามมิให้”พรรคคสช.”ได้อย่างไร
น่าสังเกตว่า สภาพการณ์ทางการเมืองทุกวันนี้มิได้มีใครไปสกัดขัดขวาง “การดูด”อันเกิดขึ้นอย่างคึกคัก โดยเฉพาะบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์
เพียงแต่พยายาม”อธิบาย”ให้เห็นว่า กระบวนการใน”การดูด”ดำเนินไปอย่างไร
ชอบธรรมหรือไม่ ใช้”อำนาจ”หรือไม่
ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมายืนยันผ่านรายการหลัก”ศ่าสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”
จึงไม่เพียงแต่สร้าง”ความชอบธรรม” ใน”การดูด”
หากในอีกด้านหมายความว่ายังเปิดโอกาสให้กระบวนการอธิบายและอภิปรายรายละเอียดใน “การดูด” มีความชอบธรรมไปด้วย
หากฝ่ายหนึ่ง”ดูด”ได้แต่ห้ามอีกฝ่าย”วิพากษ์วิจารณ์”ก็ย่อมจะ”ไม่เป็นธรรม”
