‘ลูกท็อป’วอนเลิกใช้วาทกรรมดูด ส.ส. มองย้ายเข้า-ออกพรรคเรื่องปกติ

เมื่อวันที่ 28 เมษายน นายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบและแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา ตอนหนึ่งว่า “กรณีมีข่าวเรื่องการดูด ส.ส.พรรคโน้น พรรคนี้ ว่าเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย ว่า ตนเห็นมาตั้งแต่เด็กแล้วเรื่องการย้ายพรรคของ ส.ส. ก็เป็นเรื่องปกติ แต่การใช้คำว่าดูด ส.ส.เป็นวาทกรรมของนักการเมืองที่สร้างกันขึ้นมา ประกอบกับนายกฯท่านเป็นทหารและเพิ่งเข้ามาทำงานการเมืองได้เพียง 4 ปี ท่านก็จะพูดตามที่วาทกรรมของพวก ส.ส. สร้างกันขึ้นมาเท่านั้น ในทางกลับตนคิดว่าเป็นเพียงการโยกย้ายพรรคของ ส.ส.เข้าพรรคนั้นออกพรรคนี้ ถึงเวลาพรรคใดมีความน่าสนใจมากกว่าก็ย้ายเข้าไปสังกัดพรรคนั้นเหมือนเช่นสมัยพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ มีความร้อนแรงขึ้นมา ส.ส.ก็อยากเข้าไปอยู่

“การที่ ส.ส.ย้ายพรรค จะไม่ต่างอะไรกับนักฟุตบอลย้ายทีมเลย เหมือนอย่าง ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมามากมาย นักฟุตบอลก็อยากเข้าไปอยู่ในสโมสรนี้ทั้งนั้น เช่นเดียวกับการเมืองเมื่อจะมีการเลือกตั้งและพรรคใดมีความโดดเด่นขึ้นมา มีแม่เหล็กดี ก็เป็นเรื่องปกติที่ ส.ส.จะย้ายพรรคเข้าไปอยู่ ก็ไม่ต่างกันเลย ผมจึงคิดว่าถ้าเราเลิกใช้วาทกรรมแบบนี้ที่ต้องการพูดอะไรเพื่อให้เกิดความสะใจ แล้วหันมาพูดอะไรให้เกิดความสร้างสรรค์ แนวโน้มก็จะออกมาดีกว่านี้” นายวราวุธกล่าว และว่า ตนคิดว่าวงการการเมืองควรจะพิจารณาตัวเองกันอีกครั้งแต่ละท่านที่ประดิษฐ์วาทกรรมทางการเมืองออกไปจนคนข้างนอก เอาไปใช้แล้วก็เอาคำเหล่านั้นมาว่ากันเอง เราควรจะเลิกพฤติกรรมแบบนี้กันได้ อย่าเอาแต่เรื่องไม่ดีมาพูดกัน การเมืองจะไปได้ไกลกว่านี้

เมื่อถามว่า ในเมื่อมองว่าแนวโน้มเป็นแบบนี้ แสดงว่า คสช.จะคิดตั้งพรรคการเมือง นายวราวุธกล่าวว่า ตนเคยพูดมาเสมอ ถ้าทหารเข้ามาอยู่ในวงการเมืองตามระบบ เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนมากกว่าที่จะให้ทหารอยู่นอกระบบแล้วถึงเวลาก็มายึดอำนาจก็จะเป็นวงจรการเมืองแบบเก่าๆ ดังนั้น ทหารควรเข้ามาอยู่ในระบบเลือกตั้งจะได้มีการตรวจสอบมีระบบถ่วงดุลที่ถูกต้อง ไม่ใช่อยู่ในนอกระบบ

เมื่อถามอีกว่าความเคลื่อนไหวในพรรคมี ส.ส.ย้ายออกหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า มีออกก็ต้องมีเข้ามา เป็นเรื่องธรรมดา เราเข้าใจ คนย้ายออกไปแล้วก็มี แต่ไม่ได้อยู่กับทหาร เคยมีคนพูดว่าเมื่อนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคเสียไปแล้ว ตนจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค แล้วจะไม่ดีเหมือนก่อน และเป็นตัวเลือกที่ดีต่อสังคมหรือไม่ ก็มีคนมาคุยกับตนแบบนี้ด้วย ในทางกลับกันก็มีคนแสดงเจตนาที่อยากจะมาอยู่กับเราก็อีกหลายคนเช่นกัน ส่วนตนก็เคยประกาศชัดเจนว่าจะไม่ไปไหน เราจะอยู่ของเราอย่างนี้ ถ้าเจ้าตัวไม่ไปก็ไม่มีใครมาดึงดูดอะไรได้

Advertisement

“ผมอยากจะบอกเป็นข้อสังเกตในพรรคเราว่าเมื่อก่อนพรรคชาติไทยพอมีคนเข้ามาในพรรคกันเยอะมีเสียงในกว่า 90 เสียงจะเกิดเป็นมุ้ง เป็นค่ายในพรรคขึ้น เยอะมาก เป็นพรรคเดียวกัน แต่คนละพวก เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับผม เพราะจะเป็นการบริหารจัดการยากมากในพรรคจนตอนหลังเราก็ไม่อยากเป็นแบบนั้นแล้วไม่อยากจะซ้ำรอยอีก เราต้องการให้เป็นเนื้อแท้ของพรรคอย่างเดียว” นายวราวุธกล่าว

นายวราวุธกล่าวอีกว่า อีกไม่กี่วันก็จะเดือนพฤษภาคมแล้ว จะเข้าปีที่ 4 ที่รัฐบาล คสช. เข้ามาบริหารประเทศ ตนคิดว่าแรงกดดันทางการเมืองจะเพิ่มมากขึ้น เพราะตั้งแต่เกิดมาเห็นการยึดอำนาจมาพอสมควรจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ตนยังไม่เคยมีเห็นรัฐบาลทหารชุดใดอยู่บริหารประเทศนานเท่ารัฐบาลทหารชุดนี้เลย ดังนั้น ตนขอฝากเป็นข้อสังเกตว่าการทำงานของท่านต้องเร่งให้มีผลงานเป็นรูปธรรมให้มากขึ้น ทั้งนี้ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป คิดว่าในเดือนมิถุนายนนี้ที่จะถึงนี้รัฐบาลและ คสช. ต้องปลดล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้เพื่อจะให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2562 แต่ถ้ามันไม่ทันตามโรดแมป ก็จะสร้างผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ ซึ่งทุกฝ่ายก็เอาใจช่วยรัฐบาลให้ดำเนินการตามกรอบโรดแมปอยู่แล้ว เพื่อให้มีการเลือกตั้งปีหน้า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image