หลังจากเป็นข่าวมานานข้ามปี ล่าสุดเอเอฟพี รายงานว่า “แอชลีย์ จัดด์” นางเอกฮอลลีวู้ดวัย 50 ได้ยื่นฟ้อง นายฮาร์วีย์ ไวน์สตีน โปรดิวเซอร์ผู้ทรงอิทธิพลในวงการฮอลลีวู้ด อดีตเจ้าของค่ายหนังมิราแมก และอดีตผู้บริหารบริษัทไวน์สตีน ต่อศาลสูงลอสแองเจลิส ในซานตา มอนิกา สหรัฐอเมริกาเมื่อวันจันทร์ที่ 30 เมษายนที่ผ่านมาว่าใส่ร้าย กุเรื่องที่ไม่เป็นความจริงทำให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียง กระทั่งหมดโอกาสแสดงในภาพยนตร์เรื่องเดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์
จากข่าวว่า จัดด์ ซึ่งเป็นนักแสดงหญิงคนแรกๆที่ออกมาแฉพฤติกรรมฉาวของไวน์สตีน ที่ตกเป็นข่าวชอบใช้อิทธิพลในวงการบันเทิง ล่วงละเมิดนักแสดงหญิงมาแล้วหลายสิบคน เคยกุเรื่องใส่ร้ายเธอ โดยเล่าให้ ปีเตอร์ แ จ๊กสัน ผู้กำกับดังชาวนิวซีแลนด์ ซึ่งกำลังจะสร้างภาพยนตร์เรื่องเดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ ว่าเธอเป็นนักแสดงที่ไม่น่าร่วมงานด้วย และบอกกับแจ๊กสันว่าเธอเป็น “ฝันร้าย” กระทั่งเธอหมดโอกาสที่จะได้เล่นภาพยนตร์ดังเรื่องนี้
ทั้งนี้ในหมายฟ้อง ระบุข้อความตอนหนึ่งว่า ” ด้วยคำใส่ร้ายต่างๆ นานา ไวน์สตีนทำให้ คุณจัดด์ถูกขึ้นชื่อในบัญชีดำได้สำเร็จ และได้ทำลายความสามารถของเธอที่จะได้มีโอกาสร่วมงานในภาพยนตร์ไตรภาคที่กลายเป็นผลงานทำเงินหลายพันล้านดอลลาร์ และได้รางวัลออสการ์รวมถึง 17 รางวัล และทำให้นักแสดงหลายคนได้มีชื่อเข้าชิงรางวัล”
ในข่าวกล่าวว่า ไวน์สตีนเริ่มใส่ร้าย แอชลีย์ จัดด์ หลังจากถูกนางเอกสาว ปฎิเสธไม่ยอมให้ไวน์สตีนล่วงเกิน หลังจากที่โปรดิวเซอร์ผู้ทรงอิทธิพลหลอกจัดด์ไปพบที่ห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง โดยอ้างเรื่องนัดคุยเรื่องงานมาบังหน้า
ก่อนหน้านี้ แจ๊กสัน เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนั้นเขาไม่เคยรู้เรื่องพฤติกรรมฉาวของไวน์สตีนมาก่อน ทั้งยอมรับว่า ไวน์สตีนเคยพูดถึงจัดด์ และ มิรา ซอร์วิโน นางเอกสาวอีกคนในแง่ไม่ดีจริง โดยว่านักแสดงหญิงทั้งสองคนเป็นเหมือน”ฝันร้าย”ที่ไม่ควรร่วมงานด้วย ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น และพยายามกดดัน ไม่ให้เขาจ้างนักแสดงหญิงทั้งสองคนนี้ แต่ตอนนั้น เขาก็รับฟังไปอย่างนั้น โดยไม่ได้ตั้งคำถาม หรือนึกสงสัยใดๆ จนกระทั่งเมื่อไวน์สตีน ถูกนักแสดงหญิงหลายคนออกมาแฉว่าเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ เขาจึงคิดว่า สิ่งที่ไวน์สตีนพูดถึงจัดด์ และซอร์วิโน น่าจะเป็นการใส่ร้าย
จากข่าวว่า จากเริ่มแรกที่ แจ๊กสัน คิดจะร่วมงานกับ ค่ายมิราแมก ในการสร้างเดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ แต่สุดท้ายแจ๊กสันก็เปลี่ยนใจไปร่วมงานกับค่ายนิว ไลน์ ซีเนมา แทน และแจ๊กสัน ยังเคยพูดถึง ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน และ บ๊อบ ไวน์สตีน น้องชายซึ่งเป็นเจ้าของค่ายหนังมิราแมกตอนนั้นว่า ทำตัวเหมือนพวกมาเฟีย
อนึ่ง จัดด์ กล่าวว่า หากเธอชนะคดี เธอจะยกเงินค่าเสียหายที่ได้มาทั้งหมดมอบให้แก่กองทุน Time’s Up เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้หญิง ผู้ชายในทุกสาขาอาชีพที่เคยตกเป็นเหยื่อถูกล่วงละเมิดทางเพศ
