09.00 INDEX ศึกษา วัฒนธรรม การดูด ห้ามเพลิงไว้อย่าให้ มีควัน

หากมองเพียงข่าวระดมเงินทุน 40,000 ล้านบาทอันลอยตามลมมาจากพรรคประชาธิปัตย์

เหมือนการโหมประโคมได้เกิดจากฝ่ายที่ “ถูกดูด”

กระนั้น หากมองไปยังคำสั่งกทม.ประสานกับมติอันออกมา จากครม.ในกรณีของ นายสกลธี ภัททิยกุล และในกรณีของ นายสนธยา คุณปลื้ม นายอิทธิพล คุณปลื้ม

ก็จะเข้าใจว่า “ต้นตอ” อย่างแท้จริงเริ่มขึ้นได้อย่างไร

Advertisement

ทั้งนี้ แทบไม่ต้องอ้างถึงการเรียกตัว นายสกลธี ภัททิยกุล และคณะเข้าไปหารือในทำเนียบรัฐบาลโดย “รองนายกรัฐมนตรี” บางคน

บางท่อนจาก “โคลงโลกนิติ” ก็จะส่งเสียงกังวานออกมาว่า

ห้ามเพลิงไว้อย่าให้มีควัน ห้ามสุริยะแสงจันทร์ ส่องหล้า

ไม่ว่าจะมองผ่านความจัดเจนในแบบ “ไทยนิยม” ผ่านโคลงโลกนิติ

ไม่ว่าจะมองผ่านความจัดเจนของเซอร์ไอแซค นิวตัน บิดาแห่งวิชาฟิสิกส์สมัยใหม่

ก็จะเข้าใจในกฎของ “แรง”

นั่นก็คือ เมื่อมีแรง “กด” ผลซึ่งจะติดตามมาอย่างฉับพลันทันใดย่อมเป็น แรง “ต้าน”

ก็ในเมื่อ “พรรคประชาธิปัตย์” ต้องตกเป็น “เหยื่อ” มีหรือที่คนอย่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะไม่สู้ มีหรือที่คนอย่าง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ จะไม่สู้เมื่อสาดน้ำก็ย่อมต้อง “เปียก”

แน่นอน ภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องประสบสภาวะ “เลือด” ไหลออกอย่างไม่ขาดสาย

กระนั้น ก็มิได้หมายความว่าภายใน “ทำเนียบรัฐบาล” จะนั่งเสวยประโยชน์จากการใช้ “พลังดูด” อย่างย่ามมือย่ามใจ ก็เห็นกันมิใช่หรือว่าเปียกมะล่อกมะแล่กถ้วนหน้า

ใช่ว่าจะ “หวานมัน” ฉัน “ดูด” ได้ฝ่ายเดียว

เพียงเดือนเมษายนเดือนเดียว กระบวนการ “ดูด” ก็เปลือยตัวตนของ “พรรคคสช.” ออกมาอย่างล่อนจ้อน

อย่าโทษ “สื่อ” ว่าตั้งหน้าตั้งตา “เล่น”

เพราะในความเป็นจริง ไม่ว่า “สื่อเก่า” ไม่ว่า “สื่อใหม่” ก็เสมอเป็นเพียง “ปลายน้ำ”

คำถามก็คือ “ต้นเพลิง” อยู่ที่ไหนหากมิใช่ “ทำเนียบรัฐบาล”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image