ภายหลังจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้รับคืนพื้นที่บริเวณป้อมมหากาฬ เขตพระนคร จากชาวชุมชนเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักการโยธา สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักผังเมือง สำนักงานเขตพระนคร ผู้แทนการประปานครหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามการพัฒนาและปรับปรุงภูมิทัศน์ป้อมมหากาฬ ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้มีการเก็บขยะ และปรับหน้าดินเพื่อจัดทำเป็นสวนสาธารณะชั่วคราว
นายจักกพันธุ์ เปิดเผยว่า หลังจาก กทม.ได้รับคืนพื้นที่จากชาวชุมชน ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งเข้าไปปรับสภาพพื้นที่เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของ กทม.คือ การจัดสร้างสวนสาธารณะและอนุรักษ์ป้อมมหากาฬ ซึ่งได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้ ทั้งนี้ในเบื้องต้นจะจัดสร้างสวนสาธารณะชั่วคราว เพื่อให้ประชาชนเข้ามาใช้ประโยชน์เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ และออกกำลังกาย คาดว่าจะสามารถใช้บริการได้ภายในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนในระยะยาวนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับกรมศิลปากรทำแผนอนุรักษ์ฟื้นฟูป้อมมหากาฬตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง และรวมถึงออกแบบสวนสาธารณะแบบถาวรที่สอดรับกับแหล่ง
โบราณสถานแห่งนี้ด้วย
“พื้นที่ทั้งหมดมี 4 ไร่ เบื้องต้นกทม.จะเร่งปรับสภาพหน้าดินและนำต้นไม้ที่ล้อมย้ายมาจากแนวก่อสร้างรถไฟฟ้ามาปลูกที่พื้นที่ทำให้เป็นสวนสาธารณะ พร้อมติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่าง และสั่งการให้สำนักงานเขตพระนครจัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจตราเฝ้าระวังภัยให้กับประชาชนที่เข้าไปใช้บริการภายในพื้นที่ ขณะเดียวกัน กทม.ได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 69 ล้านบาท ให้สำนักผังเมืองดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยจัดหาแนวทางแก้ปัญหากำแพงและตัวป้อมฯ ทรุดอันเนื่องจากสภาพดินในบริเวณดังกล่าวเสื่อมโทรม พร้อมทั้งแก้ปัญหาน้ำเสียเพราะก่อนหน้านี้มีบ้านเรือนพักอาศัยอยู่ ส่วนในระยะนั้น ได้จัดตั้งเป็นคณะกรรมการ ประกอบด้วย สำนักการโยธา สำนักผังเมือง สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักงานเขตพระนคร กรมศิลปากร และอดีตผู้นำชุมชนป้อมมหากาฬ พิจารณาแนวทางการจัดสร้างสวนสาธารณะแบบถาวร และวางแผนอนุรักษ์ป้อมฯ ซึ่งส่วนนี้จะต้องตั้งงบประมาณใหม่ และคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 2 ปี จึงจะแล้วเสร็จ” นายจักกพันธุ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพื้นที่ดังกล่าวเป็นสวนสาธารณะแล้ว จะมีปัญหาคนเร่ร่อนเข้ามาในพื้นที่หรือไม่ นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า เนื่องจากบริเวณดังกล่าวจะทำเป็นสวนเปิด คือ สามารถเข้าออกได้ตลอดเวลา ดังนั้นในระยะยาวมีแผนจะจัดจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาดูแล เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว แต่เบื้องต้นได้สั่งการให้สำนักงานเขตพระนครจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจเข้าไปกำกับดูแลพื้นที่ก่อน
