ผู้เขียน | ชม นำพา [email protected] |
---|---|
เผยแพร่ |
อาทิตย์นี้เราล่องเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยาจากท่าพระอาทิตย์ ไปลิ้มลองอาหารไทยตำรับโบราณกันที่โรงแรมพระยา พาลาซโซ คฤหาสน์เก่าแก่สองชั้นสไตล์คลาสสิกสีเหลืองหวานประดับด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ที่ยืนเด่นสง่าอยู่อีกฝั่ง
เหตุที่ต้องนั่งเรือมา เพราะเป็นทางสัญจรเดียวที่จะมาที่นี่ได้
ก่อนที่จะเป็นโรงแรมสวยคลาสสิกในวันนี้ ย้อนอดีตไปเกือบ 100 ปี เคหสถานแห่งนี้ คือ บ้านบางยี่ขัน อาคารสไตล์อิตาเลียน-ไทย เป็นเรือนหอแห่งความรักอันหวานซึ้ง ของพระยาชลภูมิพานิช ข้าราชการลูกหลานชาวจีนในยุคสมัยของรัชกาลที่ 5 ที่เก็บหอมรอมริบเงินทอง สร้างขึ้นเป็นเรือนหอที่ใช้ครองคู่กับนางส่วนหญิงอันเป็นที่รักจวบจนวันสุดท้ายของชีวิต
บ้านบางยี่ขันผลัดเปลี่ยนผู้ครอบครองไปตามกาลเวลา จากบ้านแห่งความรัก กลายเป็นโรงเรียน และโรงแรมในท้ายที่สุด
ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของ “เครือมนทาระ” โดย คุณกิตติศักดิ์ ปัทมะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ เครือมนทาระ เป็นหัวเรือใหญ่ ที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์อาคารเก่า มานำเสนอในรูปแบบของบูทีคโฮเทลอย่างความสร้างสรรค์
ภายในได้รับการปรับปรุงเป็นห้องพัก 3 แบบ รวม 15 ห้อง และล่าสุดกับการเปิดตัวเซตอาหารใหม่ๆ ของห้องอาหารพระยา ไดนิ่ง ที่จัดเสิร์ฟอาหารโบราณหายาก ตั้งแต่ยุคสุโขทัย อยุธยา เรื่อยมาถึงยุครัตนโกสินทร์ และปัจจุบันในบรรยากาศที่อบอุ่น
อาหารที่นี่เป็นแบบอาราคาร์ท และมีทั้งการจัดเซต หากใครเพิ่งเคยมา แนะนำให้สั่งเซตซิกเนเจอร์ ในราคา 1,800 บาท สำหรับ 2 คน เสิร์ฟตั้งแต่แอพพิไทเซอร์ สลัด ซุป อาหารจานหลัก และของหวาน
เรียกน้ำย่อยด้วยตำรับโบราณอย่าง “กุ้งโสร่ง ล่าเตียง และกระทงทอง”
สำหรับล่าเตียง หรือหรุ่ม อาหารสมัยอยุธยาได้รับการบอกเล่าเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ จากป้าบุษ-บุษกล อัครภัทรนิธิ แม่ครัวใหญ่วัย 63 ผู้อยู่เบื้องหลังของอาหารทุกจานของที่นี่ว่า วิธีการทำนั้นต้องพิถีพิถันอย่างมากในการทำไข่เน็ต ที่ต้องตีไข่ขาวและไข่แดงให้ฟู แล้วใช้มือจุ่มไข่แล้วสะบัดไข่ลงไปในกระทะเทฟล่อน สะบัดไปกลับต้องทำไว ถ้าช้าเส้นจะไม่เป็นฝอย ต้องอาศัยความชำนาญ เมื่อไข่สุกก็นำขึ้นมาห่อไส้ ที่ใช้หมูผัดกับรากผักชี กระเทียม พริกไทย น้ำตาล หอมใหญ่ และ ถั่วลิสง
จานต่อมา “แสร้งว่ากุ้งกับปลาดุก” จานนี้เป็นปลาดุกฟูเนื้อล้วน กินคู่กับน้ำยำที่ใช้เนื้อกุ้งแม่น้ำมาตำแล้วยำกับสมุนไพรต่างๆ ตั้งแต่เมล็ดพริกไทยสด หอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู ส้มซ่า มะนาว ให้รสจัดจ้าน
มาถึงอาหารจานหลัก จะมีแกงมัสมั่นเนื้อ หรือแกงเขียวหวานไก่เสิร์ฟกับโรตี ปลากะพงเจี๋ยนน้ำมะขาม หมูผัดส้มเสี้ยว ผัดผักนพเก้า และข้าวสวย แต่มื้อนี้เราขอลองกุ้งแม่น้ำเผา สะเดาน้ำปลาหวาน หมี่กรอบ กับขนมจีนน้ำยาปลาช่อน แทนแกง กับปลากะพง ทั้งนี้ทั้งนั้นทางร้านแจ้งว่าเมนูอาหารจะขึ้นอยู่กับฤดูกาลด้วยว่าช่วงนั้นมีหรือไม่มีวัตถุดิบอะไร
ไฮไลต์ของจานหลักต้องยกให้ “หมูผัดส้มเสี้ยว” ที่หากินที่อื่นยาก เป็นการตำพริกแกงใส่ใบเสี้ยว คล้ายๆ ใบชงโค แต่เป็นพันธุ์ที่มีดอกสีขาว ในต่างจังหวัดจะนิยมนำมาแกง แต่สูตรที่พระยา ไดนิ่ง จะนำมาตำกับเครื่องแกงแล้วนำมาผัดกับหมูใส่พริกชี้ฟ้า มะเขือเปราะ โรยด้วยใบโหระพา อร่อยเด็ด ต้องขอข้าวเพิ่ม
ส่วนหมี่กรอบนั้นไม่เป็นสองรองใคร รสชาติครบรส โรยหน้าด้วยไข่ฟู และผิวส้มซ่าชิ้นฝอยเพิ่มกลิ่น ให้ความหอมอวลอยู่ในปากระหว่างเคี้ยว เพื่อนร่วมโต๊ะยกนิ้วให้กับความอร่อยประทับใจ
ปิดท้ายด้วยของหวาน “อินทนิลมะพร้าวอ่อน” กับ “สละลอยแก้ว”
ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนเลย คือ อินทนิลมะพร้าวอ่อน วิธีทำคือนำแป้งสาคูไปนวดกับน้ำใบเตย จากนั้นตัดแป้งสาคูเป็นลูกเต๋า แล้วนำไปต้มในน้ำเชื่อม แล้วตักใส่ถ้วยพร้อมน้ำกะทิสด และเนื้อมะพร้าวอ่อน เนื้อแป้งเคี้ยวหนุบหนับ บวกกับความมันของกะทิและความหอมของใบเตย อร่อยละมุนลิ้นทีเดียว
ป้าบุษ แม่ครัวใหญ่แห่งพระยา ไดนิ่ง ผู้สั่งสมประสบการณ์การทำอาหารจากเชฟใหญ่โรงแรม 5 ดาว มากว่า 35 ปี บอกอย่างหนักแน่นว่า ทำอาหารไทยไม่ว่าแขกเป็นฝรั่งหรือไทยก็ต้องทำรสไทยไม่ดัดแปลง สูตรเป็นอย่างไรก็ทำอย่างนั้น
ป้าบุษ ยกตัวอย่างเมนู “แสร้งว่ากุ้งกับปลาดุก” มีวัตถุดิบเป็นส้มซ่า ก็ต้องใส่ส้มซ่า มีมะกรูด มะนาว มะขามเปียก ต้องใส่ทุกอย่าง ถึงจะเป็นรสชาติแบบนี้ คือ โบราณว่าอย่างไรก็ตามอย่างนั้น แกงรัญจวนก็เหมือนกัน จากน้ำพริกกะปิ 3 รส พอผสมน้ำก็เจือจาง ใส่ใบโหระพาก็สามารถเป็นซุปได้
“หมูผัดส้มเสี้ยวมีที่นี่ที่เดียวที่ขายนะ พริกแกงเราทำเอง เอาพริกชี้ฟ้า หอมแดง กระเทียม ปั่นรวมกัน เอาใบเสี้ยวมาปั่นให้รสเปรี้ยวแบบกลมกล่อม แต่ใบเสี้ยวจะหายากหน่อย เราต้องสั่งมา”
สำหรับใครที่ต้องการมาลองลิ้มชิมรสที่ห้องอาหารริมเจ้าพระยาแห่งนี้ เปิดทุกวัน 11 โมง ถึง 4 ทุ่ม แต่ต้องโทรจองโต๊ะก่อน ส่วนการเดินทางมาทางเรือได้ 3 ท่า คือ ท่าพระอาทิตย์ ท่าปิ่นเกล้า และท่าวัดราชาธิวาส โทร 08-1402-8118 สามารถโทรจองโต๊ะ และโทรตามเรือได้ที่เบอร์เดียวกัน