ภาคการท่องเที่ยวที่นับเป็นเครื่องหลักประคองเศรษฐกิจไทย นำรายได้เข้าประเทศปีละนับล้านล้านบาท โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาเที่ยวไทยทุบสถิติทุกปี
จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม เกิดเหตุใหญ่เรือนำทัวร์จีนล่มกลางทะเลภูเก็ต มีผู้เสียชีวิตร่วมครึ่งร้อย รวมถึงเหตุการณ์ทำร้าย นักท่องเที่ยวจีนที่เกิดขึ้นเป็นระยะ
ส่งผลให้นับจากเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา กรุ๊ปทัวร์จากจีนหดหายไปถึง 1 ใน 3
ทางการต้องแอ๊กชั่นออกมาตรการด้านความปลอดภัยเข้มข้น รวมไปถึงข้อเสนอ จูงใจอื่นๆ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นเทศกาลปีใหม่ และหวังผลไปถึงช่วงตรุษจีน
ระยะนี้จะเห็นได้ว่ากลุ่มเป้าหมายเริ่มทยอยกลับมาแล้ว แต่เป็นผลน่าพอใจอย่างไร ไปฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจท่องเที่ยว
กิตติ ทิศสกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.เชียงราย ระบุว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวเชียงราย ถือว่ากำลังเติบโตและมีความคึกคัก สังเกตจากอัตราการเข้าพักและจองห้องตามโรงแรมต่างๆ ที่ขึ้นทะเบียนไว้ประมาณ 16,000 ห้อง มีอัตรามากกว่า
ร้อยละ 70-80% และหลายแห่งเข้าพักเต็ม 100% โดยพบว่านักท่องเที่ยวจีนก็มีมากขึ้น เข้ามายังแหล่งท่องเที่่ยวสำคัญ เช่น วัดร่องขุ่นและบ้านดำ จากก่อนหน้านี้เข้ามาหลักร้อยแต่ช่วงนี้มีถึง 2,000-3,000 คน/วัน
จากตัวเลขปี 2560 มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเชียงรายประมาณ 3 ล้านคน มีเงินเข้ามาประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท สำหรับปีนี้นายกิตติประเมินว่า จะมีนักท่องเที่ยวทั้งปีไม่น้อยกว่าปีก่อน คือมากกว่า 3 ล้านคนและอาจทะลุถึง 4 ล้านคน มีเงินสะพัดอาจจะเกิน 3 หมื่นล้านบาท จากภาพรวมด้านเศรษฐกิจดีขึ้น คาดว่านักท่องเที่ยวจะใช้จ่ายเงินมากขึ้น
นงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ นายกสมาพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.เชียงราย กล่าวเสริมว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวของพื้นที่ จ.เชียงรายคึกคักกว่าระยะที่ผ่านมา ที่สำคัญนักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มเดินทางมามากขึ้น หลังจากที่ชะลอการท่องเที่ยวจากเหตุการณ์เรือล่มที่ จ.ภูเก็ต เมื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพยายามสร้างภาพลักษณ์ให้กลับคืนมา ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยยอมกลับมาท่องเที่ยว
ภัคนันท์ วินิจชัย ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวว่า เมื่อเข้าสู่หน้าหนาวซึ่งเป็นไฮซีซั่นของเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวก็เริ่มคึกคักมากทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ปีที่แล้วนักท่องเที่ยวเดินทางมา 3 ล้านคน เป็นชาวจีน 1 ล้านคน ตามด้วยเอเชียและยุโรป 2 ล้านคน โดยเฉพาะยุโรปที่กลับมามากขึ้น โดยประเทศไทยคือจุดหมายปลายทางที่คุ้นเคย ขณะที่พฤติกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปทั่วโลกทั้งเอเชียและยุโรป คือการเดินทางด้วยตนเอง วางแผนกันเอง
สำหรับนักท่องเที่ยวจีน เมื่อรัฐบาลไทยประกาศฟรีวีซ่า ก็เริ่มเห็นการจองกลับเข้ามาแล้ว แม้จะไม่มากเท่าปีที่ผ่านมา เพราะกรุ๊ปทัวร์ลดลง แต่เป็นการเดินทางมากันเองมากขึ้น เป็นไปตามเทรนด์ของโลก ซึ่ง ททท.ไม่กังวลในเรื่องจำนวน แต่เป้าหมายอยู่ที่รายได้ มั่นใจว่าได้ตามเป้าหมายแน่นอน
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมชายฝั่งทะเลภาคใต้ นงเยาว์ จิรันดร ผอ.ททท.สำนักงานเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ระบุว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงปลายปีนี้ การท่องเที่ยวกลับมาเริ่มคึกคักอีกครั้ง ประเดิมด้วยงานฟูลมูนปาร์ตี้ที่หาดริ้น เกาะพะงัน ในวันที่ 22 ธันวาคม ต่อด้วยการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส และงานเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวสมุย เกาะแห่งความสุข วันที่ 27 ธันวาคม ที่หาดเฉวง มีงานฉลองเคาต์ดาวน์ส่งท้ายปี 2 แห่ง โดยในคืนวันที่ 31 ธันวาคม ที่หาดริ้นเกาะพะงัน และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลเกาะสมุย โดยมียอดจองห้องพักที่เกาะพะงัน ประมาณ 80% เกาะสมุย 80-90% และเกาะเต่า 80%
นางนงเยาว์กล่าวว่า เที่ยวบินขาเข้าจากกรุงเทพฯ-เกาะสมุย วันละ 30-32 เที่ยว ก็เต็มทุกเที่ยว ต้องมีการเสริมเที่ยวบินเป็นช่วงๆ และจากการออกมาตรการจูงใจต่างๆ ของ ททท. ขณะนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนกลับมาเกาะสมุยแล้วทั้งเที่ยวบินตรงเฉินตู กว่างโจว ตากยังเกาะสมุย รวมถึงเที่ยวบินเช่าเหมาลำ และอีกส่วนเที่ยวบินจากจีน-สุราษฎร์ธานี ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางมาเอง พักโรงแรมระดับ 4-5 ดาว มีกำลังซื้อสูง ทำให้บรรยากาศกลับมาคึกคัก
ด้าน วีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวถึงภาวการณ์ท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จ.สงขลา ว่า ในช่วงดังกล่าวจะมีการเดินทางทั้งในและนอกพื้นที่ เข้ามาใน จ.สงขลา รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ตั้งแต่เทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยเฉพาะใน อ.หาดใหญ่ จัดงานนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ถึง 2 จุดด้วยกัน คือที่ย่านถนนคนเดินถนนเสน่หานุสรณ์ และลานหน้าห้างเซ็นทรัล เฟสติวัล รวมถึงที่ อ.เมืองสงขลาอีก 1 จุดคือที่ หาดชลาทัศน์
นายวีรนันทน์กล่าวถึงการดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ว่า ในช่วงเส้นทางเข้าสู่การจัดงานจะมีการตรวจเข้มข้นเพื่อความปลอดภัย จึงขอให้ประชาชนเข้าใจและให้ความร่วมมือด้วย เพราะการตรวจเข้มเพื่อให้งานราบรื่น นอกจากนั้นระหว่างการเดินทางจะมีการตั้งด่านตรวจเพื่อความปลอดภัยภัย และจะเป็นด่านตรวจอำนวยความสะดวกและเป็นด่านตรวจความมั่นคง โดยบูรณาการกำลังทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และเครือข่ายภาคประชาชนร่วมทำงาน ทางจังหวัดได้มีการกำหนดแผนเผชิญเหตุเอาไว้เรียบร้อย เชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว เพราะหากมีอะไรเกิดขึ้นก็จะกระทบกับภาพลักษณ์ของ
ประเทศ
“จนถึงขณะนี้ทราบว่าในส่วนของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้นมีการจองห้องพักของโรงแรมต่างๆ โดยเฉพาะในตัวเมืองหาดใหญ่เข้ามาอย่างคึกคัก ทำให้คาดว่าในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จะมีนักท่องเที่ยวใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา หรือเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง จ.สงขลา
เองก็ได้มีการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้ประชาชนมาพักผ่อนหย่อนใจ ภายใต้แนวคิด สงขลาเมืองแห่งความสุข เพราะฉะนั้นคนที่มาเที่ยวต้องการความสุข
เชื่อว่าปีนี้ก็จะมีผู้คนหลั่งไหลมาเที่ยว จ.สงขลากันเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว”นายวีรนันทน์กล่าวทิ้งท้าย
