| ผู้เขียน | วรรณมณี บัวเทศ |
|---|
ช่วงสุกดิบก่อน ฟุตบอลโลก 2018 จะรูดม่านปิดฉาก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ในฐานะเจ้าของทัวร์นาเมนต์ ได้ประกาศยืนยันกำหนดการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ในอีก 4 ปีข้างหน้าเรียบร้อย
ฟีฟ่าระบุว่า เวิลด์คัพฉบับตะวันออกกลางครั้งแรกในประวัติศาสตร์จะแข่งขันระหว่างวันที่ 21 พฤศจิกายน-18 ธันวาคม ค.ศ.2022 ใช้เวลาแข่งขัน 28 วัน โดยวันแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ 18 ธันวาคมนั้น ตรงกับวันชาติกาตาร์พอดี นับเป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลกจะขยับไปแข่งกันในช่วงฤดูหนาวจากเดิมที่เตะในช่วงฤดูร้อน
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ฟีฟ่าและฝ่ายจัดการแข่งขันต้องกำหนดเวลาค่อนข้างแปลกพิสดารท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ก็เพราะไม่ต้องการปล่อยให้นักเตะรวมถึงแฟนบอลแต่ละทีมต้อง “เสี่ยง” กับสภาพอากาศร้อนจัดในช่วงกลางปีของกาตาร์ ซึ่งอุณหภูมิช่วงกลางวันเฉลี่ยแล้วอยู่ระหว่าง 30-50 องศาเซลเซียส
ผู้เชี่ยวชาญคะเนว่า ถ้ายังเตะกันในช่วงฤดูร้อนเหมือนเดิม อุณหภูมิเฉลี่ยในสนามน่าจะอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส แต่ถ้าย้ายไปช่วงฤดูร้อน น่าจะอยู่ราวๆ 26 องศาเซลเซียส ซึ่งสำหรับนักฟุตบอลที่ส่วนใหญ่ค้าแข้งในยุโรปแล้วก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์อันตรายปานกลาง และอาจต้องงัดแผน “คูลลิ่ง เบรก” หรือการหยุดเกมเพื่อให้นักเตะได้พักดื่มน้ำ เหมือนที่ใช้ในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ขณะที่ทางกาตาร์ไม่ได้นิ่งนอนใจและเตรียมเดินหน้าแผนติดเครื่องปรับอากาศตามสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ เช่น แฟนโซน หรือสถานีรถไฟ เพื่อผ่อนหนักเป็นเบาไว้แล้ว
ปัญหาเรื่องความร้อนก็ประเด็นหนึ่ง แต่การเลื่อนโปรแกรมแข่งขันฟุตบอลโลกย่อมกระทบกับลีกลูกหนังทั่วโลกเต็มๆ แบบไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โดยเฉพาะในแถบยุโรปซึ่งโดยปกติแล้ว ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่กำลังล่วงเข้าสู่กึ่งกลางฤดูกาลพอดิบพอดี โดยเฉพาะ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่โปรแกรมเตะปลายปีชุกกว่าลีกอื่นๆ
หมายความว่าลีกยุโรปฤดูกาล 2022-23 จะต้องเลื่อนเวลาแข่งขัน จากปกติที่เปิดฤดูกาลกลางเดือนสิงหาคม อาจต้องขยับไปเตะในเดือนกรกฎาคม แล้วพักชั่วคราวราวๆ 2 เดือน เพื่อให้นักเตะมีเวลาไปเก็บตัวฝึกซ้อม ลงเล่นบอลโลก จากนั้นกลับมาเตะกันอีกทีช่วงปีใหม่ กว่าจะปิดฤดูกาลได้อาจต้องยืดเยื้อถึงเดือนมิถุนายน เท่ากับว่าเวลาพักผ่อนก่อนเริ่มฤดูกาล 2023-24 ในเดือนสิงหาคมปีถัดไปก็ต้องสั้นลงด้วย
ฟุตบอลถ้วยอื่นๆ ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติย่อมได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรปถ้วยใหญ่ถ้วยเล็กอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ ยูโรป้าลีก ซึ่งต้องปรับโปรแกรมตามไปด้วย โดยรอบคัดเลือกของทั้ง 2 ทัวร์นาเมนต์อาจต้องเตะกันราวต้นเดือนกรกฎาคม (ซึ่งตามปกติเป็นช่วงเข้าแคมป์ปรีซีซั่น) และยังต้องเริ่มเตะรอบแบ่งกลุ่มให้เร็วกว่าเดิม
ขณะที่ตลาดซื้อขายนักเตะซึ่งโดยปกติจะกินเวลาระหว่างต้นเดือนมิถุนายนถึงปลายเดือนสิงหาคม อาจต้องขยับเร็วขึ้นเพื่อให้ลงตัวกับโปรแกรมแข่งขันเกมลีก หมายความว่าสโมสรต่างๆ จะมีเวลาเตรียมตัวช่วงรอยต่อระหว่างฤดูกาลน้อยลงมาก หรือไม่เช่นนั้นอาจปล่อยให้ตลาดซื้อขายยังคงเริ่มในเวลาเดิมเพื่อให้โค้ชและผู้บริหารแต่ละทีมได้ตั้งหลักกันก่อน และยังซื้อขายกันได้ถึงฤดูกาลใหม่จะเปิดฉากไปแล้วสักระยะ
เรียกว่าทุกอย่างดูจะฉุกละหุกไปหมด และตั้งแต่รู้ผลโหวตว่ากาตาร์ได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ผู้เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมหลายฝ่ายก็พยายามทักท้วงอย่างหนัก เรื่องราวบานปลายถึงขั้นมีการสอบสวนว่าเบื้องหลังการโหวตอาจมีการติดสินบนและคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น ขณะที่บางส่วนพยายามมองหาความเป็นไปได้ที่จะถอดสิทธิการเป็นเจ้าภาพของกาตาร์เพื่อหาเจ้าภาพใหม่แบบปัจจุบันทันด่วนแทน
เมื่อต้นปีนี้ พรีเมียร์ลีกได้ส่งหนังสือแสดงจุดยืนชัดเจนว่า ไม่อยากให้ฟีฟ่าเลื่อนเวลาการแข่งขันไปเป็นช่วงฤดูหนาว เนื่องจากตอนกาตาร์เสนอตัวเป็นเจ้าภาพนั้น ทุกฝ่ายต่างรับรู้ว่าเป็นการจัดอีเวนต์ในช่วงฤดูร้อน และจะส่งผลกระทบโดยตรงกับวงการลูกหนังยุโรป
กระนั้น ฟีฟ่าก็ยังยืนกรานเดินหน้าแผนงานที่วางไว้ต่อไป และในพิธีปิดการแข่งขัน วันที่ 15 กรกฎาคมนี้ ก็จะมีการส่งมอบธงเจ้าภาพ จาก วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย แก่ ชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัล-ธานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ เพื่อยืนยันถึงสิทธิและภารกิจในฐานะเจ้าภาพครั้งต่อไปในอีก 4 ปีข้างหน้า โดยมี จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานฟีฟ่าเป็นสักขีพยาน
เมื่อดำเนินการมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็มีแต่ต้องยึดหลัก “เดอะ โชว์ มัสต์ โก ออน” อย่างเดียวเท่านั้น ส่วนปัญหาที่จะเกิดและต้องเตรียมรับมือกันนั้น อีก 3-4 ปีค่อยมาว่ากันอีกทีคงไม่สายเกินไป!
