ย้อนคำพูด “อดิศร”-ส.ส.จากการกรวดน้ำ จับตา”พท.-ปชป.”พลิกเกมสู้

เสียงบลัฟจาก อดิศร เพียงเกษ อดีตส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ที่ดูแคลนกลุ่มสามมิตรว่าจะไม่ได้ส.ส.สักที่นั่ง
แม้จะพูดเกินความจริงว่า สามมิตรจะไม่ได้ส.ส.แม้แต่คนเดียว

เพราะเท่าที่ดูจากอดีตส.ส.ที่กลุ่มสามมิตรดูดเข้าไปนั่น ไม่ใช่มีเฉพาะอดีตส.ส.แถว 2 หรือ แถว 3 ของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ยังมีอดีตส.ส.แถว 1 ก็เข้ามาร่วมด้วย

ดังนั้นส.ส.เขตเป็นเพียงเป้าประสงค์รองๆ แต่เป้าประสงค์หลักจริงๆ คือ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ต่างหาก

อย่าลืมว่า ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีจำนวน 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.เขต 350 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน

Advertisement

บัตรเลือกตั้งถ้าเป็นแบบที่เราๆเคยกากันน่าจะมี 2 ใบ แต่เมื่อการออกแบบเฉพาะกาลต้องการเตะตัดขา บัตรเลือกตั้งจึงเหลือแค่ใบเดียว

ไม่แปลก ที่นักการเมืองรุ่นเก๋าอย่างอดิศร จะออกมาตีความว่า

” พรรคใหม่ๆที่ตั้งขึ้นนั้นต้องการได้ส่วนแบ่งจากบัตรใบเดียวซึ่งเป็นระบบการเลือกตั้งใหม่ที่จะใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เค้าไม่ได้หวังชัยชนะในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต แต่เขาต้องการ ส.ส.บัญชีรายชื่อมาไว้ในมือจากการกรวดน้ำ กล่าวคือ แบ่งมาจากผู้ชนะในเขตเลือกตั้งนั้น เพราะผู้ชนะในเขตเลือกตั้งไม่มีสิทธินำคะแนนที่ได้มาคิดให้ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบเดิมแล้ว”

Advertisement

“ผมประเมินว่าเค้าตั้งใจจะเอาบัญชีรายชื่อมาตั้งแต่ต้นแล้ว ดังนั้นเค้าจึงจีบนักการเมือง หรืออดีตส.ส.ที่มีฐานเสียงอยู่แล้วบ้าง แต่ไม่ได้เป็นส.ส.เขต”

เมื่อเปิดดูระบบคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แบบใหม่ คะแนนของผู้สมัครที่ได้อันดับ 2 จะไม่เสียเปล่า เพราะสามารถเอามาคำนวณเป็นส.ส.ได้

เหมือนที่นักการเมืองพูดกันติดปากว่า 7 หมื่นคะแนนได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คน
นักการเมืองพรรคใหญ่บางคนบอกว่าระบบนี้หวังมาฆ่าพรรคใหญ่เท่านั้น

ยิ่งชนะส.ส.เขต คะแนนทิ้งห่างพรรคคู่แข่งมากเท่าไหร่ เท่ากับ ทิ้งคะแนน หรือ คะแนนเสียไปฟรีๆ ยกตัวอย่างเช่น ส.ส.เขต 1 อุบลฯ พรรคที่ผู้สมัครชนะเลือกตั้ง ชาวบ้านเทให้ 5 หมื่นคะแนนมาเป็นอันดับ 1 ทิ้งพรรคอันดับ 2 ที่ได้แค่ 2 หมื่นคะแนน

คะแนนที่ทิ้งห่างกว่า 3 หมื่นคะแนน เท่ากับว่าพรรคอันดับ 1 ทิ้งคะแนนให้เสียไปฟรีๆ 2 – 3 หมื่นคะแนน
เพราะถ้าได้คะแนนเพียง 3 หมื่นเสียงก็ได้เป็นส.ส.แล้ว ยิ่งประชาชนเทคะแนนให้ท่วมท้นเท่ากับว่าคะแนนอีกกว่า 2 หมื่นนั่นเสียเปล่า

นั่นคือ “กับดัก” ของระบบเลือกตั้งแบบ”จัดสรรปันส่วนผสม”ที่พรรคใหญ่ 2 พรรค คือเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ กำลังตีโจทย์นี้กันอย่างเข้มข้น

เพราะทิศทางพรรคขนาดเล็กหรือขนาดกลาง ที่ตีทะเบียนใหม่กันมากมาย กำลังหันมาเล่นเกมชิงเก้าอี้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 150 ที่นั่ง

ไม่เว้นแม้แต่ “พลังประชารัฐ” ที่หนุนคสช. หรือ “รวมพลังประชาชาติไทย” ของสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็เข้ามาช่วงชิงเค้กก้อนนี้เช่นกัน

ในขณะที่พรรคใหญ่ๆหันมาพลิกเกมสู้ หาช่องทางทำอย่างไรไม่ให้เกิด”คะแนนเสียเปล่า” หรือ ทิ้งคะแนนไปฟรีๆ
เพราะเกมนี้มีเดิมพันใหญ่ คือ การจัดตั้งรัฐบาล …

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image