ค่อนทาง ‘แอลพีจีเอ 2018’ กับปรากฏการณ์กอล์ฟหญิงไทย

"โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล

ศึก แอลพีจีเอทัวร์ ทัวร์กอล์ฟสูงสุดของฝ่ายหญิงประจำปี 2018 แข่งขันกันมาแล้ว 22 รายการ

หนึ่งใน “ปรากฏการณ์” น่าสนใจจน กอล์ฟวีก นิตยสารกอล์ฟชื่อดังต้องเอ่ยถึงคือ การคว้าแชมป์ของโปรสาวชาวไทยซึ่งถึงตอนนี้ทำได้รวมแล้ว 5 รายการ สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากขาประจำอย่างเกาหลีใต้ที่คว้าแชมป์รวมๆ กันไป 7 รายการ

สำหรับ 5 แชมป์ของสาวไทยในปีนี้ มาจากฝีมือของ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล ซึ่งเป็นนักกอล์ฟที่คว้าแชมป์มากที่สุดในปีนี้ 3 รายการ กับแชมป์เมเจอร์ ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น พ่วงด้วยแชมป์ คิงส์มิลล์ แชมเปี้ยนชิพ สมัย 2 และ เลดี้ส์ สกอตติช โอเพ่น แถมยังกลับขึ้นไปเป็นมือ 1 ของโลกอีกครั้ง

ขณะที่ “โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล พี่สาวของโปรเม เจ้าของรางวัลนักกอล์ฟหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของแอลพีจีเอประจำปี 2013 คว้าแชมป์แรกของตัวเองได้สำเร็จ ในรายการ แอลเอ โอเพ่น เมื่อเดือนเมษายน

Advertisement
“โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล

เช่นเดียวกับ “โปรจูเนียร์” ธิฎาภา สุวัณณะปุระ ซึ่งปลดล็อกแชมป์แรกของตัวเองจากรายการ มาราธอน คลาสสิก เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม

โปรจูเนียร์ ธิฎาภา สุวัณณะปุระ

ส่วนรายการล่าสุดกับศึกเมเจอร์ วีเมนส์ บริติช โอเพ่น ที่อังกฤษ เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน วงการกอล์ฟไทยก็หวิดจะได้เฮอีกครั้งเมื่อพี่ใหญ่ของสาวๆ ไทยที่แข่งสม่ำเสมอในทัวร์ขณะนี้อย่าง “โปรแหวน” พรอนงค์ เพชรล้ำ ขึ้นนำในรอบสองและสาม และเบียดกับสาวเจ้าถิ่น จอร์เจีย ฮอลล์ ได้อย่างสูสี ก่อนจะพลาดแชมป์หวุดหวิดในไม่กี่หลุมสุดท้าย

โปรแหวน พรอนงค์ เพชรล้ำ

ผลงานดีต่อเนื่องของนักกอล์ฟหญิงไทยทำให้แอลพีจีเอทัวร์จับตามองว่า สะวิงสาวจากแดนสยามจะกลายเป็น “คลื่น” โถมกระหน่ำวงการกอล์ฟหญิงของโลกแบบเดียวกับสาวๆ เกาหลีหลังการบุกเบิกของ ปัก เซรี ตำนานสะวิงแดนโสมที่เขย่าวงการตั้งแต่ปลายยุค 90 จนถึงกลางทศวรรษที่ 2000

อันที่จริงโปรกอล์ฟไทยไม่ได้เพิ่งสัมผัสประสบการณ์ในแอลพีจีเอทัวร์ในช่วงไม่กี่ปีนี้ เพราะเคยร่วมแข่งขันกันมาเป็นระยะๆ อาทิ รัศมี กัลยานมิตตา, วิรดา นิราพาธพงศ์พร รวมถึงฝาแฝดลูกครึ่งไทย-เกาหลี นารี-อารี ซง (ที่ถือสัญชาติเกาหลีใต้)

แต่สิ่งที่น่าจะช่วยจุดประกายและปักหมุดชื่อประเทศไทยในแผนที่กอล์ฟหญิงของโลกได้จริงๆ คงเป็นความสำเร็จของโปรเมที่คว้าแชมป์แรกในปี 2016 จนถึงตอนนี้คว้าแชมป์แล้ว 10 รายการ เป็นแชมป์เมเจอร์ 2 รายการ และยังขึ้นไปยืนหยัดบนจุดสูงสุดอย่างบัลลังก์มือ 1 ของโลก

โปรแหวนบอกว่า ความสำเร็จของโปรเมทำให้นักกอล์ฟรุ่นใหม่ของไทยเกิดความเชื่อมั่นขึ้นมาประการหนึ่งว่า “พวกเราทำได้ นักกอล์ฟไทยก็เป็นแชมป์ได้” ทำให้กล้าที่จะก้าวออกมาท้าทายตัวเองในระดับนานาชาติมากขึ้น

ขณะที่ รยู โซยอน โปรกอล์ฟสาวมือ 2 ของโลกชาวเกาหลีใต้ แสดงทรรศนะว่า โปรเมอาจเป็นคล้ายๆ ปัก เซรี ผู้กลายเป็นตำนานของแดนโสม กล่าวคือเป็น “ไอคอน” และ “ไอดอล” ที่ทำให้นักกอล์ฟรุ่นน้องๆ ในประเทศก้าวตามรอยมุ่งหน้าสู่แอลพีจีเอทัวร์

แต่รยูย้ำว่า เรื่องนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยหากมีแค่ความเชื่อหรือความกล้า เพราะจำเป็นต้องมีแรงสนับสนุนอย่างเต็มกำลังจากภาครัฐและเอกชนด้วย จึงจะเดินหน้าไปสู่จุดที่นักกอล์ฟหญิงเกาหลีใต้ครองความยิ่งใหญ่ในแอลพีจีเอทัวร์ขณะนี้

ประเด็นนี้น่าชื่นใจอยู่อย่างตรงที่สังคมคนเล่นกอล์ฟแบบจริงจังในไทยค่อนข้างเป็นกลุ่มก้อนชัดเจน มีภาคเอกชนหลายแห่งที่ให้การสนับสนุนตั้งแต่ระดับเยาวชนจนเป็นโปร มากน้อยแตกต่างกันไป และสุดแล้วแต่ว่าแต่ละคนจะต่อยอดผลงานของตัวเองได้ไกลขนาดไหน

ต้องยอมรับว่ากอล์ฟยังเป็นกีฬาที่เล่นและดูกันเฉพาะกลุ่มอยู่มากสำหรับวงการกีฬาบ้านเรา แต่ความสำเร็จในระดับโลกของโปรเมก็ทำให้แม้แต่คนที่ไม่ได้สนใจกีฬานี้หันมาติดตามและทำความเข้าใจในกฎกติกากันมากขึ้น

ถ้ามีการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากหลายๆ ฝ่าย ความที่จะได้เห็นนักกอล์ฟสาวไทยประสบความสำเร็จในแอลพีจีเอทัวร์มากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเกาหลีใต้ อาจไม่ใช่เรื่องเกินจริงนัก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image